ASTVผู้จัดการออนไลน์ - นักเขียนและคอลัมนิสต์ชื่อดัง “ชัชรินทร์ ไชยวัฒน์” วิเคราะห์คดีผู้ก่อการร้ายชาวอิหร่านก่อเหตุใน 3 ประเทศ อาจจะถูกหยิบฉวยใช้เพื่อสนับสนุนปฏิบัติการโจมตีอิหร่านของสหรัฐอเมริกา โดยอิสราเอลซึ่งเป็นตัวแทนของมหาอำนาจอาจลงมือในช่วงเดือนเม.ย.นี้ เตือนรับมือราคาน้ำมันพุ่ง
นายชัชรินทร์ ไชยวัฒน์ นักเขียนและคอลัมนิสต์ซึ่งติดตามวิเคราะห์ปัญหาความขัดแย้งในตะวันออกกลาง และการขยายอำนาจของสหรัฐอเมริกามาอย่างต่อเนื่อง มองว่า เหตุการณ์ผู้ก่อการร้ายชาวอิหร่านที่ก่อเหตุใจกลางกรุงเทพฯ และอินเดียกับจอร์เจียนั้น มีข้อน่าสังเกตถึงขีดความสามารถของผู้ก่อการร้ายที่ก่อเหตุทั้งใน 3 ประเทศ ว่าอยู่ในระดับต่ำมาก ที่จอร์เจียนั้น ระเบิดไม่ทำงาน ส่วนที่อินเดียก็ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในไทยก็ยิ่งเลอะเทอะไปกันใหญ่
นายชัชรินทร์ วิเคราะห์ว่า จุดที่น่าสนใจกว่านั้น จึงอยู่ที่ผลลัพธ์ของสถานการณ์นี้ ว่าจะถูกนำไปใช้หรือนำไปขยายผลในทิศทางใด ซึ่งตามข่าวเราได้เห็นว่าอิสราเอลนั้นรีบรวบรัด โยนความผิดไปให้อิหร่านในทันทีทันใด ซึ่งก่อนหน้านี้อิสราเอล แสดงท่าทีที่อยากจะโจมตีอิหร่านอยู่แล้ว ล่าสุดรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อิสราเอล ออกมาเปิดเผยว่า อิสราเอลแจ้งไปยังสหรัฐฯแล้วว่า เขาจะใช้วิธีโจมตี 'สายเหยี่ยว' กับอิหร่าน และโจมตีโดยลำพัง ซึ่งอาจเป็นการโจมตีทางอากาศที่จะสร้างความเสียหายให้อิหร่านได้มากและสร้างความเสียหายให้แก่อิสราเอลน้อยที่สุด
“ทางการสหรัฐฯ เอ่ยถึงข้อมูลดังกล่าวว่าการโจมตีอิหร่านโดยอิสราเอลนั้น อาจมีขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ผลิหรือราวเดือนเมษายนนี้ ซึ่งเหตุการณ์ระเบิดทั้ง 3 จุดในไทย อินเดีย และจอร์เจียแล้วอิสราเอลโยนไปให้อิหร่าน ก็อาจสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มที่เขาต้องการใช้กำลังกับอิหร่าน เหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นสะท้อนได้ว่าผลลัพธ์ของสถานการณ์นั้นมันสนับสนุนกระบวนการโจมตีอิหร่าน”
นายชัชรินทร์ ยังวิเคราะห์เพิ่มเติมด้วยว่า แท้ที่จริงแล้ว เหตุการณ์การก่อการร้ายโดยทั่วไปนั้น ไม่อาจหาข้อสรุปได้ชัดเจนว่าใครกันแน่คือผู้ลงมือ โดยเขายกตัวอย่างเหตุการณ์เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ว่า ตราบจนทุกวันนี้ ก็ยังไม่อาจสรุปได้ ว่าเป็นอัลกออิดะฮ์ ภายใต้การนำของ โอซามา บินลาเดน จริงหรือไม่ เช่นเดียวกัน กรณีระเบิด 3 จุด โดยชาวอิหร่าน แท้ที่จริง ก็ยังต้องค้นหาบทสรุปและแสวงหาข้อเท็จจริงกันต่อไป
“แต่สิ่งสำคัญเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต้องดูที่ผลลัพธ์ ว่า ใครได้ประโยชน์ ใครคือผู้ที่นำเอาสถานการณ์เหล่านี้ไปใช้ประโยชน์บ้างหรือเปล่า ซึ่งในความเห็นของผม อิหร่านไม่ได้ประโยชน์เลย แม้แต่กรณีฮิซบอลลอฮ์ ก็ทำให้อิหร่านเสียหายด้วยซ้ำ ทุกวันนี้ เขาพยายามอยู่อย่างระวังตัว เพราะมู้ดดี้ก็เพิ่งหั่นเครดิตลงมาจากเดิม ดังนั้น การวางระเบิดครั้งนี้ ถ้าอิหร่านทำ มันก็ยิ่งทำให้ตัวเองดูแย่ เป็นการกระทำที่ไปเข้าตีนอิสราเอล”
ในประเด็นที่ว่า ถ้าหากในอนาคตอันใกล้ ความขัดแย้งที่คุกรุ่นนำไปสู่การเปิดฉากสงครามในตะวันออกกลาง ไทย ควรจะรับมือหรือเตรียมการณ์ และแสดงทีท่าต่อเหตุการณ์ระเบิดในปัจจุบันอย่างไรนั้น
คอลัมนิสต์ชื่อดัง เห็นว่า เหตุการณ์ระเบิดนี้ เราต้องว่ากันไปตามกระบวนการยุติธรรม ต้องสืบสวนหาความจริง แต่สำหรับความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านนั้น เราก็ไม่จำเป็นต้องไปแสดงความเห็นด้วยกับอิสราเอล หรือไปปกป้องอิหร่าน สิ่งสำคัญที่เราต้องทำก็คือ มองไปให้ไกลถึงเหตุการณ์ความขัดแย้ง หรือแนวโน้มของการเกิดสงครามในตะวันออกกลาง เพราะหากเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริง ราคาน้ำมันโลกคงพุ่งไปถึง 120 ดอลล่าร์ต่อบาร์เรล แล้วไทยเป็นผู้นำเข้าน้ำมันเป็นอันดับต้นๆ ของโลก เมื่อถึงวันนั้น เราคงได้กินข้าวผัดกะเพราจานละ 100 บาทแน่ๆ เพราะน้ำมันมันเกี่ยวโยวกับวิถีชีวิตเราทุกอย่าง
“ถ้าอิหร่านถูกโจมตี ก็คงชุลมุนกันไปทั้งตะวันออกกลาง ถ้าช่องแคบฮอซมุซถูกปิด เมื่อนั้นน้ำมันทั่วโลกก็คงสูญหายไปถึง 1ใน 3 เพราะนั่นเป็นเส้นทางขนส่งน้ำมันที่สำคัญของโลก”
นายชัชรินทร์ ไชยวัฒน์ นักเขียนและคอลัมนิสต์ซึ่งติดตามวิเคราะห์ปัญหาความขัดแย้งในตะวันออกกลาง และการขยายอำนาจของสหรัฐอเมริกามาอย่างต่อเนื่อง มองว่า เหตุการณ์ผู้ก่อการร้ายชาวอิหร่านที่ก่อเหตุใจกลางกรุงเทพฯ และอินเดียกับจอร์เจียนั้น มีข้อน่าสังเกตถึงขีดความสามารถของผู้ก่อการร้ายที่ก่อเหตุทั้งใน 3 ประเทศ ว่าอยู่ในระดับต่ำมาก ที่จอร์เจียนั้น ระเบิดไม่ทำงาน ส่วนที่อินเดียก็ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในไทยก็ยิ่งเลอะเทอะไปกันใหญ่
นายชัชรินทร์ วิเคราะห์ว่า จุดที่น่าสนใจกว่านั้น จึงอยู่ที่ผลลัพธ์ของสถานการณ์นี้ ว่าจะถูกนำไปใช้หรือนำไปขยายผลในทิศทางใด ซึ่งตามข่าวเราได้เห็นว่าอิสราเอลนั้นรีบรวบรัด โยนความผิดไปให้อิหร่านในทันทีทันใด ซึ่งก่อนหน้านี้อิสราเอล แสดงท่าทีที่อยากจะโจมตีอิหร่านอยู่แล้ว ล่าสุดรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อิสราเอล ออกมาเปิดเผยว่า อิสราเอลแจ้งไปยังสหรัฐฯแล้วว่า เขาจะใช้วิธีโจมตี 'สายเหยี่ยว' กับอิหร่าน และโจมตีโดยลำพัง ซึ่งอาจเป็นการโจมตีทางอากาศที่จะสร้างความเสียหายให้อิหร่านได้มากและสร้างความเสียหายให้แก่อิสราเอลน้อยที่สุด
“ทางการสหรัฐฯ เอ่ยถึงข้อมูลดังกล่าวว่าการโจมตีอิหร่านโดยอิสราเอลนั้น อาจมีขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ผลิหรือราวเดือนเมษายนนี้ ซึ่งเหตุการณ์ระเบิดทั้ง 3 จุดในไทย อินเดีย และจอร์เจียแล้วอิสราเอลโยนไปให้อิหร่าน ก็อาจสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มที่เขาต้องการใช้กำลังกับอิหร่าน เหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นสะท้อนได้ว่าผลลัพธ์ของสถานการณ์นั้นมันสนับสนุนกระบวนการโจมตีอิหร่าน”
นายชัชรินทร์ ยังวิเคราะห์เพิ่มเติมด้วยว่า แท้ที่จริงแล้ว เหตุการณ์การก่อการร้ายโดยทั่วไปนั้น ไม่อาจหาข้อสรุปได้ชัดเจนว่าใครกันแน่คือผู้ลงมือ โดยเขายกตัวอย่างเหตุการณ์เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ว่า ตราบจนทุกวันนี้ ก็ยังไม่อาจสรุปได้ ว่าเป็นอัลกออิดะฮ์ ภายใต้การนำของ โอซามา บินลาเดน จริงหรือไม่ เช่นเดียวกัน กรณีระเบิด 3 จุด โดยชาวอิหร่าน แท้ที่จริง ก็ยังต้องค้นหาบทสรุปและแสวงหาข้อเท็จจริงกันต่อไป
“แต่สิ่งสำคัญเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต้องดูที่ผลลัพธ์ ว่า ใครได้ประโยชน์ ใครคือผู้ที่นำเอาสถานการณ์เหล่านี้ไปใช้ประโยชน์บ้างหรือเปล่า ซึ่งในความเห็นของผม อิหร่านไม่ได้ประโยชน์เลย แม้แต่กรณีฮิซบอลลอฮ์ ก็ทำให้อิหร่านเสียหายด้วยซ้ำ ทุกวันนี้ เขาพยายามอยู่อย่างระวังตัว เพราะมู้ดดี้ก็เพิ่งหั่นเครดิตลงมาจากเดิม ดังนั้น การวางระเบิดครั้งนี้ ถ้าอิหร่านทำ มันก็ยิ่งทำให้ตัวเองดูแย่ เป็นการกระทำที่ไปเข้าตีนอิสราเอล”
ในประเด็นที่ว่า ถ้าหากในอนาคตอันใกล้ ความขัดแย้งที่คุกรุ่นนำไปสู่การเปิดฉากสงครามในตะวันออกกลาง ไทย ควรจะรับมือหรือเตรียมการณ์ และแสดงทีท่าต่อเหตุการณ์ระเบิดในปัจจุบันอย่างไรนั้น
คอลัมนิสต์ชื่อดัง เห็นว่า เหตุการณ์ระเบิดนี้ เราต้องว่ากันไปตามกระบวนการยุติธรรม ต้องสืบสวนหาความจริง แต่สำหรับความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านนั้น เราก็ไม่จำเป็นต้องไปแสดงความเห็นด้วยกับอิสราเอล หรือไปปกป้องอิหร่าน สิ่งสำคัญที่เราต้องทำก็คือ มองไปให้ไกลถึงเหตุการณ์ความขัดแย้ง หรือแนวโน้มของการเกิดสงครามในตะวันออกกลาง เพราะหากเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริง ราคาน้ำมันโลกคงพุ่งไปถึง 120 ดอลล่าร์ต่อบาร์เรล แล้วไทยเป็นผู้นำเข้าน้ำมันเป็นอันดับต้นๆ ของโลก เมื่อถึงวันนั้น เราคงได้กินข้าวผัดกะเพราจานละ 100 บาทแน่ๆ เพราะน้ำมันมันเกี่ยวโยวกับวิถีชีวิตเราทุกอย่าง
“ถ้าอิหร่านถูกโจมตี ก็คงชุลมุนกันไปทั้งตะวันออกกลาง ถ้าช่องแคบฮอซมุซถูกปิด เมื่อนั้นน้ำมันทั่วโลกก็คงสูญหายไปถึง 1ใน 3 เพราะนั่นเป็นเส้นทางขนส่งน้ำมันที่สำคัญของโลก”
