บนเส้นทางที่ “ปู” ต้องเดินตามก้น “ฮุน เซน”

ASTVผู้จัดการออนไลน์ - “ฮุน เซน” ขีดเส้นให้ “ปู” เดินตาม ถกข้อพิพาทเขตแดนทางบกที่กัมพูชาอ้างสิทธิเหนือพื้นที่ 4.6 ตร.กม. ถอนกำลังทหาร และรับผู้สังเกตการณ์อินโดนีเซียเข้าพื้นที่บริเวณปราสาทพระวิหารอ้างต้องปฏิบัติตามคำสั่งศาลโลก รื้อฟื้นเจรจาผลประโยชน์เขตทับซ้อนทางทะเลโดยยึดตามกรอบ MOU 2544 เล่นเกมเตะถ่วงปล่อย “วีระ - ราตรี”

ในที่สุด การเยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทย ในช่วงบ่ายของวันที่ 15 กันยายนที่ผ่านมา ก็จบลงด้วยการรุกไล่อย่างแยบยลของเสือเฒ่า “ฮุน เซน” นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ที่ต้อนสมันน้อย “ยิ่งลักษณ์” เข้าสู่กรงหรือกรอบการเจรจาที่ฝ่ายกัมพูชาต้องการ

ก่อนการเดินทางไปเยือนครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีและคณะของฝ่ายไทย ยืนยันอย่างหนักแน่นว่า คงไม่มีการเจรจากันในเรื่องเขตทับซ้อนทางทะเล หรือแม้กระทั่งเรื่องข้อพิพาทเขตแดนทางบกบริเวณปราสาทพระวิหารที่มีปัญหายืดเยื้อยาวนานจนต้องขึ้นสู่ศาลโลกอีกครั้ง

ถ้าจะมี ก็คงมีเพียงเรื่องการเจรจาของให้ปล่อยตัว วีระ สมความคิด และ ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ สองคนไทยที่ถูกคุมขังอยู่ในคุกเขมร ซึ่งคนในรัฐบาลเชื่อมั่นว่าทั้งสองจะได้รับการปล่อยตัวแน่นอน มีการปล่อยข่าวกันใหญ่โตด้วยว่าทั้งสองจะบินกลับมาพร้อมคณะของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ก่อนที่จะฝ่ายกัมพูชาจะออกแถลงการณ์ปฏิเสธว่า จะยังไม่มีการปล่อยตัวสองคนไทยตามที่เป็นข่าว

ยิ่งเมื่อพิจารณาจากคำตอบของ ฮุน เซน ที่ให้กับ ยิ่งลักษณ์ ซึ่งยกเรื่องสองคนไทยที่ถูกคุมขังอยู่ขึ้นมาหารือในการเยือนครั้งนี้ ยิ่งตอกย้ำให้เห็นว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ ฮุน เซน จะยอมปล่อยตัวสองคนไทยโดยไม่มีอะไรแลกเปลี่ยน

การที่ ฮุน เซน อ้างว่า กำลังตรวจเรื่องนี้และอาจจะเสนอเรื่องไปยังกษัตริย์กัมพูชาเพื่อขอลดหย่อนผ่อนโทษเป็นคราวๆ แล้วจะพิจารณาอีกที โดยรัฐบาลกัมพูชาต้องเคารพกฎหมายและคำตัดสินของศาล คือ ต้องให้ได้รับโทษ 2 ใน 3 ของคำตัดสินก่อนจึงจะเสนอขอให้กษัตริย์อภัยโทษ จึงเป็นที่คาดหมายได้ว่าทั้งสองจะไม่ได้รับการปล่อยตัวในเร็ววันนี้ เพราะเมื่อเทียบกับกรณีของ ศิวลักษณ์ โชติพงษ์ วิศวกรชาวไทยที่ถูกจับในข้อหาสายลับก่อนนี้ไม่ปรากฏว่าได้รับโทษ 2 ใน 3 ก่อนได้รับอภัยโทษแต่อย่างใด

ฮุน เซน ยังทำให้ ยิ่งลักษณ์ เป็นเพียงลูกไล่ที่ต้องทำตามกัมพูชา ในเรื่องการถอนทหารออกจากพื้นที่บริเวณปราสาทพระวิหาร ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างบรรยากาศท่องเที่ยวปราสาทพระวิหารที่ขึ้นทะเบียนมรดกโลกไปเรียบร้อยแล้ว โดย ฮุน เซน ขอให้กองทัพทั้งสองฝ่ายเร่งหารือกันในเรื่องนี้เพื่อให้การถอนทหารเป็นไปตามคำสั่งศาลโลก

ในขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ก็อ้างสิทธิว่า เวลานี้พื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรเป็นของกัมพูชา ต่อเมื่อศาลโลกตัดสินชี้ขาดว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นของไทย กัมพูชาถึงจะคืนให้

นอกจากนั้น กัมพูชา ยังเร่งรัดให้มีผู้สังเกตการณ์จากอินโดนีเซียเข้าไปยังพื้นที่ ซึ่งเรื่องดังกล่าวก่อนหน้านี้ ทางฝ่ายกองทัพไทย ปฏิเสธอย่างแข็งขันที่จะไม่ให้คณะผู้สังเกตการณ์เข้าพื้นที่ กระทั่งศาลโลกมีคำสั่ง และการเดินทางไปเยือนอินโดนีเซียของนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ก่อนหน้านี้ ก็ได้ไปตกปากรับคำยินดีต้อนรับคณะผู้สังเกตการณ์อินโดนีเซีย เรียบร้อยแล้ว ไม่มีการยื้อ ไม่มีต่อรอง มีแต่ทำไปตามความประสงค์ของ ฮุน เซน โดย พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม คนใหม่ เห็นดีเห็นงามด้วย

ไม่เพียงแค่เรื่องเขตแดนทางบกเท่านั้น ในเรื่องพื้นที่เขตทับซ้อนทางทะเล ฮุน เซน บรรลุเป้าประสงค์ในการเสนอให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ นำเอาบันทึกความเข้าใจไทย - กัมพูชา ว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อน หรือ MOU 2544 กลับมาใช้เป็นกรอบการเจรจาอีกครั้ง ซึ่งนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ตอบรับด้วยความยินดีอย่างยิ่ง โดยโยนเรื่องนี้ให้กระทรวงการต่างประเทศ เป็นเจ้าภาพ และตั้งคณะกรรมการชุดหนึ่งขึ้นมาเจรจา

อย่างไรก็ตาม บทเรียนจากความคลุมเครือ ข้อกังขา รวมทั้งข้อครหาในประเด็นที่สุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียอธิปไตยเหนือดินแดนและผลประโยชน์ของชาติ ที่นับเนื่องมาตั้งแต่รัฐบาลอภิสิทธิ์ ซึ่งขณะนี้เปลี่ยนสถานะไปเป็นฝ่ายค้าน มาถึงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ในเวลานี้เป็นประเด็นที่พึงตระหนัก

ดังนั้น การเจรจาใดๆ ที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงอาณาเขตไทย หรือมีผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างกว้างขวาง การนำเรื่องเข้าสู่สภาก่อนเริ่มกระบวนการเจรจา ตามรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 190 จะทำให้การเจรจาเป็นไปอย่างรอบคอบ รอบด้าน และที่สำคัญ คือจะทำให้ความคลางแคลงใจต่อรัฐบาลลดน้อยลง ไม่อย่างนั้น รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ก็จะหนีไม่พ้นข้อครหาว่าเดินตามก้น “ฮุน เซน” และซุกซ่อนเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนดังที่เกิดขึ้นมาแล้วทั้งกับรัฐบาลอภิสิทธิ์หรือรัฐบาลนอมินีทักษิณ