“กษิต” นัดถกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถกปมปราสาทพระวิหารหลังศาลโลกมีคำสั่งให้ 2 ประเทศถอนทหาร ก่อนส่งไม้ให้ รมต.บัวแก้วคนใหม่สานต่อ ย้ำต้องใช้วิธีเจรจาแก้ปัญหาที่ยังมีความเห็นขัดแย้งกัน
นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงการเตรียมแนวทางแก้ปัญหาเขาพระวิหารหลังศาลโลกมีคำสั่งออกมาว่ากระทรวงการต่างประเทศได้เรียกประชุมภายใน เช่น กรมสนธิสัญญา กรมเอเชียตะวันออก และกรมองค์การระหว่างประเทศ เพราะข้อตัดสินของศาลโลกคาบเกี่ยวกับหลายหน่วยงาน และไม่เกี่ยวแค่เฉพาะการตัดสินของศาลโลกหรือความสัมพันธ์กับกัมพูชา แต่ยังมีพันธกรณีที่เราต้องแจ้งต่อสหประชาชาติ และกลุ่มอาเซียนทราบด้วย จากนั้นวันที่ 25 ก.ค.จะมีการประชุมหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องทั้งหมด และวันที่ 26 ก.ค.จะประชุมคณะกรรมการสู้คดีเขมรร้องขอให้ศาลโลกตีความคำพิพากษา ปี 2505 ที่มีตนและ รมว.กลาโหมเป็นประธานร่วม เพื่อดูว่าคำตัดสินของศาลโลกเมื่อวันที่ 18 ก.ค. มีอะไรบ้างที่เราต้องดำเนินการ อะไรเป็นเรื่องเร่งด่วน เช่น การขอให้คณะผู้สังเกตการณ์ของอินโดนีเซียมาไทยและกัมพูชาในโอกาสแรก ซึ่งเป็นเรื่องที่ค้างกันอยู่สืบเนื่องมาจากเงื่อนไขที่เราตั้งไว้ คณะผู้สังเกตการณ์ของอินโดนีเซียจะมาไม่ได้ตราบใดที่มีทหารของกัมพูชาอยู่ในวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ และตัวประสาทพระวิหาร เมื่อศาลโลกได้มีคำสั่งออกมาทำให้การเข้ามาของคณะผู้สังเกตการณ์อินโดนีเซียก็เป็นไปได้
ผู้สื่อข่าวถามว่ากัมพูชาระบุว่าจะใช้ ตชด.ดูแลปราสาทพระวิหารแทนกองกำลังทหาร นายกษิตกล่าวว่า ต้องเจรจากัน ฝ่ายกัมพูชาได้ออกแถลงการณ์มากมายตั้งแต่วันที่ 18 ก.ค. ซึ่งเป็นเรื่องที่เขาต้องการประกาศท่าทีให้ประชาคมโลกทราบ แต่ในที่สุดแล้วต้องมาเจรจาหารือกัน ว่าการตัดสินของศาลโลก หรือคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ ที่ประชุมต่างประเทศของอาเซียน หรือที่ประชุมสุดยอดของอาเซียนในช่วงที่ผ่านมา ทุกคนก็เห็นพ้องต้องกันว่าต้องมีการเจรจา 2 ฝ่ายระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งก็กลับมาสู่ ณ จุดเดิม ที่เป็นท่าทีของไทยมาตลอด ฉะนั้นทั้ง 2 ฝ่ายต้องมาดูว่าศาลโลกได้สั่งไว้ว่าอย่างไร ดูเป็นเรื่องๆ ไป
เมื่อถามย้ำว่ามีการติดต่อเพื่อเจรจากันหรือยัง นายกษิตกล่าวว่า นายสมปอง สุจริต เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ ได้พบผู้หลักผู้ใหญ่ในกองทัพกัมพูชามาตลอด เมื่อวานก็ได้พบกับนายซก อาน รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศของกัมพูชา ก็ติดต่อกันตลอดคู่ขนานกันไปกับกระทรวงกลาโหม ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในเรื่องเขตปลอดทหาร ในขั้นตอนนี้ยังเป็นเรื่องภายในของเราอยู่ ขอให้เราคุยกันก่อน ซึ่งต้องทำคู่ขนานกัน รวมทั้งการส่งมอบงานให้รัฐบาลใหม่ ตัวที่จะเชื่อมได้คือข้าราชการประจำ กับกระทรวงกลาโหม และสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ตนจะจัดทำเอกสารส่งให้ปลัดกระทรวงการต่างประเทศช่วยส่งมอบให้รัฐมนตรีต่างประเทศคนต่อไป