ผู้จัดการออนไลน์ - เครือข่ายเกษตรกร แรงงาน คนจนเมือง เป่านกหวีดนัดชุมนุมใหญ่ 24 มิ.ย.นี้ จี้รัฐบาลแก้ปัญหาราคาสินค้า น้ำมันแพง ปลดหนี้เกษตรกร ขู่หากเพิกเฉยเคลื่อนทัพรวมพลังกลุ่มพันธมิตรฯ ร่วมกดดัน
นายวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ ผู้อำนวยการมูลนิธิชีววิถี (BioThai) หนึ่งในคณะทำงานประชาชนเพื่อความมั่นคงและอธิปไตยทางอาหาร เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการเตรียมชุมนุมใหญ่ของเครือข่ายองค์กรประชาชนในวันที่ 24 มิ.ย.นี้ ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า ว่าขณะนี้มีการประสานงานระหว่างเครือข่ายต่างๆ ทั่วประเทศแล้ว เช่น เครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือก สภาเครือข่ายองค์กรประชาชนแห่งประเทศไทย เครือข่ายสลัมสี่ภาค เครือข่ายหนี้สินชาวนา กลุ่มเอฟทีเอว็อช เครือข่ายสลัมสี่ภาค สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) เครือข่ายแรงงานนอกระบบและคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) เป็นต้น
สำหรับประเด็นข้อเรียกร้องหลักๆ ต่อรัฐบาลคือ เร่งแก้ไขวิกฤตข้าวยากหมากแพง ค่าแรงต้องปรับให้สมดุลกับค่าครองชีพ จัดการปฏิรูปที่ดิน โอนหนี้สินชาวนาเข้ากองทุนฟื้นฟูฯ และประกันราคาผลผลิตที่เป็นธรรม เป็นต้น
“เครือข่ายภาคประชาชนทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 40 เครือข่ายจะร่วมชุมนุมร่วมกันเป็นครั้งแรก หากข้อเรียกร้องไม่ได้รับการแก้ไขหรือเพิกเฉย เวลานี้มีการหยั่งเสียงกันแล้วว่าจะเข้าร่วมกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือไม่ ซึ่งมีบางส่วนพร้อมจะเข้าร่วมด้วย แต่บางส่วนยังสงวนท่าที แต่การตัดสินใจขั้นสุดท้ายขึ้นอยู่กับการประเมินสถานการณ์อีกครั้งหลังการชุมนุมใหญ่” นายวิฑูรย์ กล่าว
สำหรับข้อเสนอให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาที่เกิดจากวิกฤตข้าวยากหมากแพงนั้น รัฐฯ ต้องเข้ามาแทรกแซงควบคุมราคาสินค้าอุปโภคบริโภคหลัก คือ ข้าว น้ำมัน ไข่ ก๊าซหุงต้ม และน้ำตาลทราย โดยการจัดคาราวานสินค้าราคาถูกและสนับสนุนการซื้อขายตรงระหว่างผู้ผลิตกับผู้บริโภคโดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง รัฐฯ ควรใช้งบฯอุดหนุนราคาน้ำมันให้ถูกลง และต้องปรับค่าแรงงานขั้นต่ำ 316 บาททั่วประเทศ เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ รวมทั้งดูแลแรงงานนอกระบบอย่างทั่วถึง
ส่วนด้านการเกษตร รัฐฯ ต้องควบคุมปัจจัยการผลิต ปุ๋ยเคมี สารเคมี ค่าเช่านา ค่าเมล็ดพันธุ์ ส่งเสริมปัจจัยการผลิตแก่เกษตรกรรายย่อย อาทิ น้ำมันเพื่อการเกษตร ประกันราคารับซื้อข้าวเปลือกและผลผลิตการเกษตรทุกชนิด ด้วยราคาที่เป็นธรรมกับผู้ผลิต และส่งเสริมให้เกษตรกรใช้ปุ๋ยอินทรีย์ รวมถึงการหยุดการบังคับยึดที่ดินของเกษตรกรขายทอดตลาด เร่งรัดโอนหนี้สินเกษตรกรเข้ากองทุนฟื้นฟูฯ ต่อต้านต่างชาติเข้าครอบครองที่ดินและการลงทุนทางการเกษตรที่ทำลายความมั่นคงของเกษตรกรรายย่อยและอธิปไตยของประเทศ
นายวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ ผู้อำนวยการมูลนิธิชีววิถี (BioThai) หนึ่งในคณะทำงานประชาชนเพื่อความมั่นคงและอธิปไตยทางอาหาร เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการเตรียมชุมนุมใหญ่ของเครือข่ายองค์กรประชาชนในวันที่ 24 มิ.ย.นี้ ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า ว่าขณะนี้มีการประสานงานระหว่างเครือข่ายต่างๆ ทั่วประเทศแล้ว เช่น เครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือก สภาเครือข่ายองค์กรประชาชนแห่งประเทศไทย เครือข่ายสลัมสี่ภาค เครือข่ายหนี้สินชาวนา กลุ่มเอฟทีเอว็อช เครือข่ายสลัมสี่ภาค สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) เครือข่ายแรงงานนอกระบบและคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) เป็นต้น
สำหรับประเด็นข้อเรียกร้องหลักๆ ต่อรัฐบาลคือ เร่งแก้ไขวิกฤตข้าวยากหมากแพง ค่าแรงต้องปรับให้สมดุลกับค่าครองชีพ จัดการปฏิรูปที่ดิน โอนหนี้สินชาวนาเข้ากองทุนฟื้นฟูฯ และประกันราคาผลผลิตที่เป็นธรรม เป็นต้น
“เครือข่ายภาคประชาชนทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 40 เครือข่ายจะร่วมชุมนุมร่วมกันเป็นครั้งแรก หากข้อเรียกร้องไม่ได้รับการแก้ไขหรือเพิกเฉย เวลานี้มีการหยั่งเสียงกันแล้วว่าจะเข้าร่วมกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือไม่ ซึ่งมีบางส่วนพร้อมจะเข้าร่วมด้วย แต่บางส่วนยังสงวนท่าที แต่การตัดสินใจขั้นสุดท้ายขึ้นอยู่กับการประเมินสถานการณ์อีกครั้งหลังการชุมนุมใหญ่” นายวิฑูรย์ กล่าว
สำหรับข้อเสนอให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาที่เกิดจากวิกฤตข้าวยากหมากแพงนั้น รัฐฯ ต้องเข้ามาแทรกแซงควบคุมราคาสินค้าอุปโภคบริโภคหลัก คือ ข้าว น้ำมัน ไข่ ก๊าซหุงต้ม และน้ำตาลทราย โดยการจัดคาราวานสินค้าราคาถูกและสนับสนุนการซื้อขายตรงระหว่างผู้ผลิตกับผู้บริโภคโดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง รัฐฯ ควรใช้งบฯอุดหนุนราคาน้ำมันให้ถูกลง และต้องปรับค่าแรงงานขั้นต่ำ 316 บาททั่วประเทศ เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ รวมทั้งดูแลแรงงานนอกระบบอย่างทั่วถึง
ส่วนด้านการเกษตร รัฐฯ ต้องควบคุมปัจจัยการผลิต ปุ๋ยเคมี สารเคมี ค่าเช่านา ค่าเมล็ดพันธุ์ ส่งเสริมปัจจัยการผลิตแก่เกษตรกรรายย่อย อาทิ น้ำมันเพื่อการเกษตร ประกันราคารับซื้อข้าวเปลือกและผลผลิตการเกษตรทุกชนิด ด้วยราคาที่เป็นธรรมกับผู้ผลิต และส่งเสริมให้เกษตรกรใช้ปุ๋ยอินทรีย์ รวมถึงการหยุดการบังคับยึดที่ดินของเกษตรกรขายทอดตลาด เร่งรัดโอนหนี้สินเกษตรกรเข้ากองทุนฟื้นฟูฯ ต่อต้านต่างชาติเข้าครอบครองที่ดินและการลงทุนทางการเกษตรที่ทำลายความมั่นคงของเกษตรกรรายย่อยและอธิปไตยของประเทศ
