ผู้จัดการออนไลน์ – ต้าน "เสี่ยแม้ว"ชักนำเครือข่ายทุนซาอุฯ ยาตราเข้าแย่งชิงผืนนาจากมือชาวนาผู้ยากไร้ ไล่ต้อนเข้าเป็นลูกจ้างบริษัทรวมใจชาวนา บ่อนทำลายอธิปไตยและความมั่นคงทางอาหารของชาติ ขณะที่มืออีกข้างผลักดันเศรษฐีน้ำมัน "ดูไบ เวิลด์" เข้ายึดเมกะโปรเจกมูลค่าหลายแสนล้านทั้งโครงการพัฒนาแลนด์บริดจ์ – มักกะสันคอมเพล็กซ์ และท่าเรือคลองเตย องค์กรภาคประชาชนเตรียมเคลื่อนไหวคัดค้าน จัดเวที “ชำแหละนายทุนย่ำยีชาวนาไทย” 3 มิ.ย.นี้
กระแสข่าวกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ชักชวนนักธุรกิจชาวซาอุดิอาระเบีย นำโดย นายวาลิด อาเหม็ด จัฟฟาลี รองประธานบริษัท ซาอุดีซีเมนต์ (SCC) ซึ่งเป็นบริษัทซีเมนต์รายใหญ่ที่สุดในซาอุดีอาระเบีย และเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของกลุ่มบริษัท EA Juffali & Brothers กลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมและพาณิชย์รายใหญ่ที่สุดในซาอุดีอาระเบียและภูมิภาคตะวันออกกลาง เข้ามาลงทุนทำนา หรือเช่าที่ดินทำนา หรือการส่งข้าวออกขายต่างประเทศ และขณะนี้ได้มีการจัดตั้งบริษัทรวมใจชาวนาขึ้นมาเพื่อรองรับการเข้ามาลงทุนของนักธุรกิจชาวซาอุดีอาระเบีย นั้น ก่อให้เกิดกระแสการคัดค้านอย่างหนักจากหลายภาคส่วน นับตั้งแต่นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมทั้งองค์กรเครือข่ายภาคประชาชนและเครือข่ายชาวนา
นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงแนวคิดในการนำนักธุรกิจจากประเทศซาอุดีอาระเบียลงทุนทำนาในประเทศไทยว่า ทางกระทรวงเกษตรฯ ไม่เห็นด้วย และจะต่อต้านให้ถึงที่สุด เพราะแนวคิดดังกล่าวเป็นแนวคิดของนายทุนขายชาติที่มุ่งทำลายวิถีชาวนาไทย โดยกระทรวงเกษตรฯ เตรียมใช้กฎหมายคุ้มครองอาชีพคนไทย มาคัดค้าน ซึ่งการเข้ามาลงทุนของนักธุรกิจต่างชาติ ควรเข้ามาลงทุนในรูปแบบของภาคอุตสาหกรรมมากกว่าเข้ามาทำลายภาคเกษตรกรไทย
*** ศ.ระพี เตือนอย่าหลงกลต่างชาติ ทำลายชาวนา
ทางด้าน ศาสตราจารย์ระพี สาคริก ราษฎรอาวุโส ได้ออกมาแสดงท่าทีสนับสนุนรมว.กระทรวงเกษตรฯ และองค์กรเครือข่ายต่างๆ ที่เคลื่อนไหวคัดค้านการเข้ามาแย่งชิงการใช้ประโยชน์จากที่ดินและทำลายวัฒนธรรม วิถีชีวิตของชาวนาไทย
ศาสตราจารย์ระพี สาคริก ราษฎรอาวุโส และปูชณียาจารย์ด้านการเกษตร แถลงว่า “ขอสนับสนุนและขอให้กำลังใจนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล เท่าที่ติดตามบทบาทของนายสมศักดิ์ เห็นว่าเป็นนักการเมืองที่มีความกล้าหาญทางจริยธรรมมากกว่านักการเมืองหลายคนที่เห็นวัตถุเป็นเรื่องสำคัญกว่าชาติกว่าแผ่นดิน เชื่อว่ามีคนไทยอีกเป็นจำนวนมากที่พร้อมจะให้กำลังใจนายสมศักดิ์ในฐานะที่ออกมาต่อต้านนักลงทุนต่างชาติที่จะเข้ามาแย่งชิงอาชีพ และเข้ามาทำลายวัฒนธรรมของไทย
“นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีนักลงทุนต่างชาติต้องการจะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ก่อนหน้านี้นักลงทุนจากไต้หวันได้ร่วมมือกับนักการเมืองไทยบางคนจะเข้ามาลงทุนในกิจการกล้วยไม้ในประเทศไทยโดยอ้างว่าจะนำเทคโนโลยีจากต่างชาติมาเผยแพร่เหมือนกัน
“ถามว่าเทคโนโลยีจากต่างชาติหรือจะสู้เทคโนโลยีที่มาจากรากฐานผืนแผ่นดินของเราเอง พวกเราเติบโตมาได้ไม่ใช่มาจากพ่อแม่ที่เป็นชาวไร่ชาวนาหรอกหรือ ? พวกเราส่งออกข้าว ส่งออกกล้วยไม้ ไม่ได้มาจากเทคโนโลยีจากผืนแผ่นดินของเราเองหรอกหรือ ?”
“การทำศึกสงครามในสมัยอดีต เขาจะส่งคนเข้ามาทำนาเอาไว้เป็นการล่วงหน้า จากนั้นค่อยยกทัพใหญ่เข้ามายึดครองประเทศอื่น นักการเมืองเหล่านี้เห็นเงินตาโต โดยเอาชาวนาเอาแผ่นดินไปแลก ปล่อยให้ต่างชาติมายึดครองประเทศตนเอง ต้องดูเจตนาของคนเหล่านี้ให้ดี เพราะตอนแรกบอกว่าจะมาเช่าที่นา มาทำนาร่วมกับชาวนาไทย และเมื่อมีคนค้านมากๆ ก็ออกมาบอกว่าจะนำนักลงทุนมาช่วยพัฒนาเทคโนโลยี เรื่องนี้ก็ฟังไม่ขึ้น คนไทยทุกคนที่รักผืนแผ่นดินต้องร่วมกันคัดค้านให้ถึงที่สุด เพราะเขามีกลวิธีที่จะนำต่างชาติเข้ามาในรูปแบบอื่นๆอีกก็ได้” ศาสตราจารย์ระพีกล่าว
*** จับตาบริษัทยักษ์เกษตรมีเอี่ยว
นายวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ ผู้อำนวยการมูลนิธิชีววิถีหรือไบโอไทย หนึ่งในแกนนำขององค์กรภาคประชาชนที่คัดค้านการลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนเกี่ยวกับการทำนา ให้สัมภาษณ์ว่า ภาคประชาชนไม่อาจวางใจนักการเมืองและกลุ่มทุนต่างชาติกลุ่มนี้ได้
ทั้งนี้เพราะจากคำให้สัมภาษณ์ล่าสุดของผู้ที่เกี่ยวข้องก็ยืนยันว่า นักลงทุนเหล่านี้จะนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาช่วยพัฒนาประเทศไทยน่าสงสัยว่าจะนำเข้ามาในรูปแบบใดถ้าไม่ใช่การลงทุนในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง และเทคโนโลยีที่ว่านั้นจะเป็นเทคโนโลยีแบบใด เพราะนักลงทุนกลุ่มนี้มิได้มีเทคโนโลยีเป็นของตนเอง ที่เป็นไปได้มากที่สุดคือต้องร่วมกับกลุ่มทุนอื่น และเทคโนโลยีในการผลิตข้าวที่ว่าอาจจะเป็นการนำข้าวลูกผสม หรือข้าวจีเอ็มโอซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นจริงก็จะเกิดผลกระทบตามมามากมายต่อเกษตรกรและกระบวนการผลิตการค้าข้าวทั้งหมดของไทย
"องค์กรภาคประชาชนจะจับตาการเคลื่อนไหวกลุ่มทุนต่างชาติ บริษัทยักษ์ใหญ่การเกษตร และกลุ่มนักการเมืองกลุ่มนี้อย่างใกล้ชิดต่อไปเชื่อว่าอาจจะมีการหลบเลี่ยงไปใช้ช่องว่างในคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ซึ่งเปิดช่องให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาประกอบกิจการที่เกี่ยวกับการทำนาได้
ดังตัวอย่างเช่น เคยประสบผลสำเร็จนำบริษัทญี่ปุ่นเข้ามาปลูกข้าวพันธุ์จาปอนิก้า โดยอนุญาตให้บริษัทญี่ปุ่นเข้ามาตั้งโรงงานผลิตข้าวแปรรูป และมีการทำนาปลูกข้าวญี่ปุ่นในประเทศไทย หรือกรณีมีความพยายามที่จะนำนักลงทุนไต้หวันเข้ามาลงทุนและผลิตกล้วยไม้ในประเทศไทย ภายใต้ความช่วยเหลือของนักการเมืองบางกลุ่ม แต่ถูกกระแสต่อต้านจนต้องถอนตัวไปในที่สุด” นายวิฑูรย์ กล่าว
*** จวก “เสี่ยแม้ว” บ่อนทำลายชาติ
นายวิฑูรย์ ชี้ว่า การนำต่างชาติเข้ามาเป็นการแย่งชิงการใช้ประโยชน์จากที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติ และการเกษตรซึ่งควรจะถูกสงวนไว้สำหรับคนไทยเท่านั้น ขณะนี้ชาวนาเกือบครึ่งหนึ่งของประเทศเป็นชาวนาไร้ที่ดิน การนำนักธุรกิจน้ำมันที่มีเงินมากมายมหาศาลเข้ามาลงทุน เป็นการเข้ามาแย่งชิงการใช้ที่ดินจากมือของเกษตรกรซึ่งมีอยู่น้อยอยู่แล้ว เป็นการสร้างปัญหาให้เกิดขึ้นมากขึ้นไปอีก
" การที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชักชวนให้กลุ่มทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนครั้งนี้เป็นวิธีคิดที่เปิดโอกาสให้ต่างชาติเข้ามายึดครองภาคการผลิตที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางอาหารและอธิปไตยทางอาหารของประเทศที่ไม่อาจยอมรับได้" นายวิฑูรย์ กล่าว
ผู้อำนวยการไบโอไทย ยังกล่าวอีกว่า การเข้ามาลงทุนทำการเกษตรและใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาตินั้นเป็นเรื่องละเอียดอ่อนสำหรับทุกประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่ประเด็นเรื่องความมั่นคงทางอาหารเป็นเรื่องใหญ่ของทุกประเทศนั้น ประเทศไทยต้องมีนโยบายที่ชัดเจนที่จะต้องสร้างความมั่นคงทางอาหารและอธิปไตยทางอาหารโดยไม่ปล่อยให้ประเทศที่ร่ำรวยจากน้ำมัน หรือประเทศอุตสาหกรรมเข้ามาใช้ประโยชน์จากที่ดินและทรัพยากรของเรา
"สังคมไทยต้องตรวจสอบบทบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรให้ดี เพราะอดีตนายกรัฐมนตรีของไทยผู้นี้มีอิทธิพลเหนือรัฐบาลไทยชุดปัจจุบัน และมีความเชี่ยวชาญในการจัดตั้งบริษัทนอมินี ซึ่งอาจทำให้มีการหลบหลีกเงื่อนไขทางกฎหมาย หรือใช้กลไกทางนโยบายของรัฐในการนำนักลงทุนต่างชาติเข้ามาใช้แย่งชิงและใช้ประโยชน์จากชาวนายากจนของประเทศไทยอย่างไม่ถูกต้องได้" นายวิฑูรย์ กล่าว
เขาบอกว่า หาก พ.ต.ท.ทักษิณ ปรารถนาดี ต่อเกษตรกรไทยและประเทศไทย ควรแนะนำให้นักลงทุนจากต่างชาติทำสัญญาซื้อข้าวระยะยาวจากชาวนาในประเทศไทยโดยตรง หรือทำสัญญากับรัฐบาลไทยในการซื้อข้าวโดยมีราคารับซื้อที่แน่นอน และเป็นการทำสัญญาซื้อขายระยะยาว เพราะจะช่วยทำให้ราคาข้าวของไทยมีเสถียรภาพ และจะเป็นประโยชน์ต่อชาวนาไทยและประเทศไทยมากกว่า นายวิฑูรย์กล่าว
*** เตรียมจัดเวทีชำแหละนายทุนย่ำยีชาวนา
นายวิฑูรย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกเหนือจากเครือข่ายเกษตรกรและเครือข่ายภาคประชาชนจะจัดประชุมใหญ่ในวันที่ 28 พฤษภาคม 2551 เพื่อกำหนดการเคลื่อนไหวใหญ่ร่วมกันแล้ว ในวันที่ 3 มิถุนายน 2551 องค์กรต่างๆ หลายองค์กร เช่น มูลนิธิเกษตรกรรมยั่งยืน(ประเทศไทย) มูลนิธิชีววิถี(ไบโอไทย) มูลนิธิข้าวขวัญ มูลนิธิผู้บริโภค เครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือก และกลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน(FTA Watch) เป็นต้น จะจัดการเสวนาเรื่อง “ข้าวคือชีวิต หยุดย่ำยีชาวนาไทย” เวลา 13.30-16.30 น. ณ เคยูโฮม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ในงานดังกล่าว จะมีปาฐกถานำโดย ศ.ระพี สาคริก และการอภิปรายซึ่งมีวิทยากรประกอบด้วย รศ.ดร.วิวัฒน์ชัย อัตถากร อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยศิลปากร, นายชนวน รัตนวราหะ อดีตรองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร, นายเดชา ศิริภัทร ผู้อำนวยการมูลนิธิข้าวขวัญ, นายบำรุง บุญปัญญา นักพัฒนาอาวุโส, นางกิมอัง พงษ์นารายณ์ ตัวแทนสภาเครือข่ายองค์กรประชาชนแห่งประเทศไทย, นายวิลิต เตชะไพบูลย์ ตัวแทนเครือข่ายชาวนาจังหวัดเพชรบุรี, นางสาวสารี อ๋องสมหวัง ผู้อำนวยการมูลนิธิผู้บริโภค, นายจักรชัย โฉมทองดี กลุ่ม FTA Watch, นายวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ ผู้อำนวยการมูลนิธิชีววิถี และดำเนินรายการโดย นางสาวสายรุ้ง ทองปลอน ผู้จัดการสหพันธ์งองค์กรผู้บริโภค
*** ลุยลงทุนเมกะโปรเจคแสนล้าน
นอกเหนือจากการนำกลุ่มทุนจากซาอุฯ เข้ามาลุยเช่าที่นา ผลิตข้าวเพื่อส่งออกแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ ยังชักนำเครือข่ายทุนข้ามชาติอย่าง “ดูไบ เวิลด์” รัฐวิสาหกิจของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) เข้ามาลงทุนในโครงการแลนด์บริดจ์ โดยนำร่องด้วยการให้เงินช่วยเหลือเพื่อศึกษาโครงการแบบให้เปล่า ประมาณ 200 – 300 ล้านบาท เพื่อนำข้อมูลไปวางกรอบทีโออาร์ ก่อนเข้าร่วมประมูลโครงการดังกล่าวซึ่งมีมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท ขณะเดียวกัน ดูไบ เวิลด์ ยังสนใจเข้าพัฒนาโครงการมักกะสัน คอมเพล็กซ์ และที่ดินบริเวณท่าเรือคลองเตย อีกด้วย
สุลต่าน อาห์เหม็ด บิน สุลาเยม ประธานกรรมการของดูไบ เวิลด์ ประกาศรุกเข้ามาลงทุนในไทย ในโอกาสที่เดินทางประเทศไทย เมื่อวันที่ 22 พ.ค. เพื่อบรรยายพิเศษในหัวข้อ “Evolutionary Reform The Dubai Experience” ตามคำเชิญของมูลนิธิไทยคม ซึ่งมีพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นประธานมูลนิธิฯ (อ่านรายละเอียดในข่าวประกอบ)