xs
xsm
sm
md
lg

เรียกร้อง “นายกฯ-สภา” กวาดล้างกลุ่มอิทธิพลเถื่อนจัดฉากเวทีสัมปทานเหมืองแร่ทั่วประเทศ หลัง “เลขาธิการ กป.อพช.ใต้” ถูกอุ้ม (ชมคลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


 
ศูนย์ข่าวภาคใต้ - องค์กรภาคประชาชนเรียกร้อง “นายกฯ-สภา” กวาดล้างกลุ่มอิทธิพลเถื่อนจัดฉากเวทีรับฟังความคิดเห็นประชาชนในการขอประทานเหมืองแร่ทั่วประเทศ เตรียมจัดประชุมระดับประเทศระดมความคิดเห็น “เลขาธิการ กป.อพช.ใต้” เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ “ผู้การภาค 9” ถูกกันไม่ให้เข้าพื้นที่ ส่ง ผกก.มาเจรจา บอกไม่มีหน้าที่รับแจ้งความ ขอให้ไปที่พื้นที่เกิดเหตุจะมีรถตำรวจไปส่ง รับประกันความปลอดภัย สุดท้ายเข้าแจ้งความ สภ.เมืองสงขลา พร้อมประสานงานต่อให้พื้นที่เกิดเหตุ

วันนี้ (13 ส.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 นายเอกชัย อิสระทะ เลขาธิการคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคใต้ (กป.อพช.ใต้) ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กรณีถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ราว 10 คนร่วมกันอุ้มหลังเข้าสังเกตการณ์เวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่มีส่วนได้เสียกับการขอประทานบัตรทำเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน (เพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง) ของบริษัท สิงห์ศิลาทอง จำกัด จัดโดยสำนักงานอุตสาหกรรม จ.พัทลุง ในเวลา 13.30 น. วันที่ 5 ส.ค. ณ มัสยิดอัสซอลีฮีน หมู่ที่ 4 ต.คลองใหญ่ อ.ตะโหมด จ.พัทลุง โดยมีกลุ่มชาวบ้านเดินทางมาให้กำลังใจด้วย

นายเอกชัย ให้สัมภาษณ์ว่า การกระทำของกลุ่มบุคคลดังกล่าว นายกรัฐมนตรีและรัฐสภาจะต้องเข้ามาดูเรื่องนี้ ถือเป็นภารกิจที่จะทำเรื่องนี้เพื่อสร้างสังคมใหม่ที่ปราศจากอิทธิพลเถื่อน ยังมีอีกหลายพื้นที่ที่มีการกระทำคล้ายกันนี้ คือมักจะมีกลุ่มผู้มีอิทธิพลจัดการผู้เข้าประมูลอิสระ ถูกกีดกัน กักขัง กันออกจากพื้นที่ประมูลงาน เป็นการสร้างสังคมที่ไม่เป็นธรรม เกิดอำนาจเถื่อนเหนืออำนาจรัฐ ซึ่งในส่วนของเวทีรับฟังความคิดเห็นตาม พ.ร.บ.แร่ พ.ศ.2560 มาตรา 56 วรรคสอง หลายพื้นที่เหมือนเป็นแค่การประกอบพิธีกรรมให้เสร็จไป คนเห็นแย้งไม่มีโอกาสได้เข้าไปแสดงความคิดเห็นในเวทีดังกล่าว รัฐบาลควรทำให้เวทีรับฟังความคิดเห็นในการขอประทานบัตรทำเหมืองแร่เป็นพื้นที่ที่ประชาชนจะแสดงความคิดเห็นได้อย่างแท้จริง

“สังคมไทยกำลังตกอยู่ภายใต้กลุ่มอิทธิพล มีอำนาจเหนือรัฐ รัฐบาลต้องจัดการเรื่องนี้ รวมทั้งภาคประชาชนและองค์กรต่างๆ ต้องร่วมกัน เร็วๆ นี้ในระดับประเทศจะมีเวทีพูดคุยเรื่องเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชนว่าจะขยับกันต่ออย่างไร จะรับฟังความเห็นจากองค์กรต่างๆ เช่น กป.อพช.ระดับประเทศ องค์กรด้านสิทธิ สมัชชากลุ่มองค์กร จะเชิญมาคุยกัน” นายเอกชัย กล่าว

ในการเข้าแจ้งความร้องทุกข์ นายเอกชัย พร้อมกลุ่มชาวบ้านได้ร่วมกันเดินจากที่จอดรถฝั่งตรงข้ามกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 พร้อมกับถือป้ายผ้าเขียนข้อความว่า “อิทธิพลมืด เต็มแผ่นดิน หยุดอุ้มขัง ข่มขู่ คุกคาม นักปกป้องสิทธิชุมชน” เมื่อมาถึงที่ประตูทางเข้า ตำรวจที่รักษาการณ์ได้ปิดประตูและไม่อนุญาตให้ทั้งหมดเข้าไปภายใน บอกว่าเป็นคำสั่งของผู้บังคับบัญชาว่าให้ส่งตัวแทนเข้าไปก็พอ โดยนายบรรจง นะแส อดีตนายกสมาคมรักษ์ทะเลไทย และนายเอกชัย ได้เจรจาว่าขอให้กลุ่มชาวบ้านที่มาให้กำลังใจได้เข้าไปด้วยกัน เพราะข้างนอกอากาศร้อนและบางคนต้องการเข้าห้องน้ำ ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังคงยืนยันไม่ให้เข้าไป แต่อนุญาตให้ชาวบ้านเข้าห้องน้ำที่ป้อมรักษาการณ์แทน

นายสมบูรณ์ คำแหง ที่ปรึกษา กป.อพช.ใต้ จึงนำชาวบ้านร่วมอ่านแถลงการณ์ของ กป.อพช.ใต้ เรื่อง ขอให้เร่งดำเนินคดีข่มขู่คุกคามนักปกป้องสิทธิชุมชนด้วยความเป็นธรรม บริเวณด้านหน้าประตูทางเข้าที่ปิดอยู่ โดยแถลงการณ์ดังกล่าวระบุว่า มีกลุ่มชายฉกรรจ์ประมาณ 10 กว่าคนเข้าประกบและคุมตัวนายเอกชัย ไปกักขังที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งใน อ.ป่าบอน จ.พัทลุง พร้อมกับข่มขู่ว่าจะไม่รับรองความปลอดภัย หากนำเรื่องนี้ไปแจ้งความ และยังมีการกักตัวกลุ่มผู้สื่อข่าวจากหลายแห่งที่จะเข้าไปทำข่าวเวทีรับฟังความเห็นดังกล่าวอีกด้วย

“จึงขอเรียกร้องให้หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องภายใต้การบริหารงานของรัฐบาลชุดนี้แสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น พร้อมกันนี้ ขอให้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 เร่งดำเนินการกับคดีนี้อย่างรวดเร็วและตรงไปตรงมา เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างอีกต่อไป ทั้งนี้ ข้าพเจ้าจะขอติดตามความคืบหน้าต่อเรื่องนี้อีกครั้งในอีก 7 วันข้างหน้า”

หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ได้อนุญาตให้นายเอกชัย นายบรรจง และตัวแทนอีก 2 คนเข้าไปเจรจาด้านใน โดยมี พ.ต.อ.สมศักดิ์ กลับรอด ผกก.ช่วยราชการกลุ่มงานสอบสวน ภ.9 มาเจรจา ซึ่ง พ.ต.อ.สมศักดิ์ ยืนยันว่าเป็นคำสั่งของผู้บังคับบัญชาที่ให้กลุ่มชาวบ้านรอด้านนอก ส่วนเรื่องที่นายเอกชัย จะมายื่นนั้นจะรับไว้ให้ ด้านนายบรรจง และนายเอกชัย ก็ยืนยันเรื่องที่จะให้ชาวบ้านเข้ามา โดยรับรองว่าจะไม่เกิดความวุ่นวายขึ้นมาอย่างเด็ดขาด เพียงแต่ต้องการให้เข้ามาหลบแดดเท่านั้น แต่ พ.ต.อ.สมศักดิ์ ก็ยังคงยืนยันคำเดิม และให้กลุ่มตัวแทนที่มาเจรจาออกไปรอด้านนอกก่อน ซึ่งระหว่างที่รออยู่นั้น ชาวบ้านส่วนหนึ่งได้เข้ามาพูดจาให้กำลังใจนายเอกชัย และมอบดอกไม้ให้ และยังมอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่รักษาการณ์อยู่บริเวณประตูทางเข้าด้วย

ทั้งนี้ พ.ต.อ.สมศักดิ์ ได้ออกมาพบนายเอกชัย ที่ประตูทางเข้าและได้รับเรื่อง โดยบอกให้นายเอกชัย ไปแจ้งความที่พื้นที่เกิดเหตุคือ สภ.ตะโหมด จ.พัทลุง ซึ่งมีอำนาจในการสอบสวน ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ไม่ได้รับแจ้งความดำเนินคดี ซึ่งนายเอกชัย กล่าวว่า ตามคำสั่งของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) หากเป็นคดีความที่มีผู้มีอิทธิพล ให้ตำรวจภาค 9 ดำเนินการได้ อีกทั้ง หากให้ตนกลับไปที่พื้นที่เกิดเหตุเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย ทุกวันนี้ แม้กระทั่งบ้านที่ จ.สงขลา ทั้งตนและครอบครัวก็อยู่ไม่ได้ เกรงว่าจะเกิดอันตราย โดย พ.ต.อ.สมศักดิ์ ได้ตอบกลับว่า หากไม่มั่นใจในความปลอดภัย จะจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไปส่งที่ สภ.ตะโหมด แต่นายเอกชัย ก็ยังยืนยันที่จะไม่กลับไป ทำให้ พ.ต.อ.สมศักดิ์ เสนอให้ไปแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองสงขลา จะประสานกับผู้กำกับ สภ.เมืองสงขลาให้แล้วจะส่งเรื่องไปที่ สภ.ตะโหมด ซึ่งมีอำนาจในการสอบสวนดำเนินคดี

หลังเจรจากันอยู่สักพัก จึงได้ข้อสรุปว่า นายเอกชัยและพวกจะไปแจ้งความดำเนินคดีไว้ที่ สภ.เมืองสงขลา แล้ว สภ.เมืองสงขลาจะส่งเรื่องไปให้ สภ.ตะโหมด และนายเอกชัย ได้ยื่นเรื่องขอให้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ตั้งคณะทำงานสืบสวนสอบสวนในกรณีนี้ โดยมีผู้การ ภ.9 เป็นหัวหน้าคณะ มีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่มีความเชี่ยวชาญและเป็นเจ้าหน้าที่นอกพื้นที่เป็นทีมสอบสวน เนื่องจากพฤติการณ์ของกลุ่มบุคคลดังกล่าวเป็นการกระทำโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย กระทบต่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง มีลักษณะเป็นขบวนการโดยมีผู้สั่งการอยู่เบื้องหลัง ใช้กำลังข่มขู่โดยมุ่งให้เกิดความหวาดกลัวต่อประชาชน และเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่
 


อ่านข่าวเกี่ยวเนื่อง

- คุกคามสื่อ! สมาคม นสพ.ภาคใต้-สื่อพัทลุงร้อง ผวจ.ถูกอุ้มพ้นเวทีสัมปทานเหมืองแร่ (ชมคลิป)
- อิทธิพลมืดคุกคาม! “เลขาธิการ กป.อพช.ภาคใต้” เตรียมเข้าแจ้งความถูกอุ้มจากเวทีสัมปทานเหมืองแร่ จ.พัทลุง
- “เอกชัย อิสระทะ” เลขา กป.อพช.ภาคใต้ บุกแจ้งความที่กองบังคับการตำรวจภูธรภาค 9 (ชมคลิป)
- 53 องค์กรเครือข่ายฯ ออกแถลงการณ์ประณามการข่มขู่คุกคาม “เอกชัย อิสระทะ”



กำลังโหลดความคิดเห็น