นครศรีธรรมราช - เจ้าของที่ดินที่ตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำเพื่อชุมชน ในอำเภอพรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช เตรียมฟ้องเรียกที่ดินคืน หลังกระทรวงพลังงานสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ มูลค่ากว่า 28 ล้าน ทิ้งไว้แต่ไม่ได้ใช้การ ผู้นำท้องถิ่นระบุ 6 ปี ไม่สามารถแก้ไขปัญหาระหว่างหน่วยงานได้
วันนี้ (31 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำเพื่อชุมชนขนาดเล็ก ตั้งอยู่ในพื้นที่ต้นน้ำบ้านวังลุง ท้องที่หมู่ที่ 1 ต.ทอนหงส์ อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช โดยโรงไฟฟ้าแห่งนี้มีเครื่องกำเนิดไฟฟ้าจากพลังงานน้ำขนาด 66.5 กิโลวัตต์ จำนวน 2 เครื่อง ได้ถูกก่อสร้างขึ้นเมื่อปี 2554 มูลค่ากว่า 28 ล้านบาท ซึ่งเป็นงบประมาณของกระทรวงพลังงาน จนถึงปัจจุบันเป็นเวลากว่า 6 ปีแล้ว ที่โรงไฟฟ้าแห่งนี้แม้จะมีความพร้อมของอุปกรณ์สมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่กลับไม่สามารถเดินเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าได้
หลักการและเหตุผลที่สำคัญของการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำเพื่อชุมชนแห่งนี้ เกิดขึ้นจากความเข้มแข็งของชุมชนด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจนเป็นผลสำเร็จ กระทรงพลังงานจึงได้เลือกพื้นที่ต้นน้ำ หมู่ 1 บ้านวังลุง ต.ทอนหงส์ อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช สร้างโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำเป็นต้นแบบเพื่อประโยชน์ของชุมชน แต่กลับติดขัดทางด้านระเบียบ และข้อกฎหมาย ระหว่างหน่วยงานของกระทรวงพลังงาน และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคที่ไม่สามารถรับไฟฟ้าเข้าสู่ระบบจำหน่ายได้
นายเฉลิม กาญจนพิทักษ์ ผู้นำชุมชนตำบลทองหงส์ อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นแกนนำนักอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ ระบุว่า เจ้าของที่ดินจุดที่ตั้งโรงไฟฟ้าได้อนุญาตให้มีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าบนที่ดินขนาด 1 ไร่ เพื่อประโยชน์ของชุมชน แต่เมื่อมีการสร้างโรงไฟฟ้าด้วยงบประมาณถึง 28 ล้านบาท กลับพบว่า จนถึงขณะนี้ไม่มีการใช้งาน เจ้าของที่ดินเห็นว่าเป็นการผิดวัตถุประสงค์ และไม่ตรงกับเจตนารมณ์ที่ได้ให้ที่ดินไว้ และชุมชนไม่ได้เกิดประโยชน์ใดๆ จึงต้องการนำที่ดินกลับไปทำสวนผลไม้เช่นเดิม
นายเฉลิม ยังกล่าวด้วยว่า หลายฝ่ายได้ประสานงานกับกระทรวงพลังงานมาตลอด 6 ปี มากกว่า 20 ครั้งแล้ว ได้รับคำตอบเหมือนเดิมทุกครั้งคือไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากระเบียบของกระทรวงพลังงาน และระเบียบของการไฟฟ้าไม่ตรงกัน ต่างหน่วยงานต่างถือระเบียบของตัวเอง และอ้างว่าอยู่ในระหว่างการแก้ไข และไม่รู้ว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จเมื่อไหร่ ทำให้โรงไฟฟ้าแห่งนี้ไม่สามารถดำเนินการได้จริงมาตลอด 6 ปี และยังไม่รู้อนาคต