ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ยุติการค้นหาผู้สูญหายอีก 23 ราย หลังสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย ขณะที่นักท่องเที่ยวที่เสียชีวิต ยอดล่าสุดพบแล้ว 32 ราย รอดชีวิต 1 ราย
วันนี้ (6 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา ที่ท่าเทียบเรือฉลอง ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และคณะ เดินทางมาให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ และญาติผู้ประสบเหตุเรือล่ม พร้อมร่วมสอบปากคำเจ้าของเรือฟินิกซ์ ณ กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า วันนี้เดินทางมาพร้อมกับผู้ช่วยเอกอัครราชทูตจีน และผู้ช่วยเอกอัครราชทูตรัสเซีย จากสถานเอกอัครราชทูตจีน และ รัสเซีย เพื่อมาติดตามการให้การช่วยเหลือผู้ประสบเหตุเรือล่ม ว่า ประเทศไทยได้ให้การดูแลคนประเทศของเขาดียังไง เพราะฉะนั้นวันนี้ในเรื่องของความร่วมมือในส่วนของการช่วยเหลือ ตำรวจท่องเที่ยวได้เติมเต็มด้วยการจัดล่ามภาษาจีน อังกฤษ และภาษารัสเซีย มาประจำที่โรงพยาบาล อบจ.ภูเก็ต และโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต เพื่อช่วยเหลือเรื่องการสื่อสารกับทางโรงพยาบาล
วันนี้ สิ่งสำคัญที่จะเตรียมรับ คือ ญาติของผู้เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บ ที่จะหลั่งไหลเดินทางเข้ามา เพราะฉะนั้นวันนี้เกิดเหตุแล้ว แต่สิ่งสำคัญกว่า คือ การดูแลเยียวยา ทำให้เขาเกิดความประทับใจ เราไม่สามารถห้ามไม่ให้เหตุเกิดขึ้นได้ แต่สิ่งสำคัญที่ต้องทำหลังเกิดเหตุ คือ การสร้างความอุ่นใจให้เขามั่นใจ วันนี้ที่ตนเอาผู้ช่วยฯ ทูตจีน และ รัสเซีย เดินทางมา เรียนว่าไม่มีอะไรดีกว่าเอาคนประเทศของเขามาเยี่ยมคนประเทศของเขาเอง พร้อมทั้งรายงานประเทศของเขาไปว่า คนไทยดูแลคนของเขาดียังไง
ในเรื่องการกู้ชีพต่างๆ ขณะนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตได้สั่งการอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเรื่องของการตรวจสอบการดำเนินคดีเป็นสิ่งที่เราต้องนำไปดำเนินการต่อ เรื่องของการดูแล เรือเป็นนอมินีหรือไม่ ก็ต้องฝากทางภูเก็ต ตนยังทราบว่ามีนอมินีทีเป็นเจ้าของเรืออยู่จำนวนมาก เพราะฉะนั้น ถ้าเป็นนอมินีแล้วไม่ใช่คนไทยเป็นเจ้าของเอง การดูแลเรือย่อมไม่ดีเหมือนเจ้าของเรือดูแลเอง เพราะฉะนั้นตรงนี้เราจะใช้มาตรการเดินภาษี ความผิดฐานยึดทรัพย์ ซึ่งเราดำเนินคดีกับบริษัท ทรานลี่ มาแล้ว เข้ามาใช้ในการตรวจสอบทั้งหมด
เรื่องเรือถ้าเป็นเรือที่ไม่ใช่คนไทยเป็นเจ้าของ เป็นนอมินีต่างชาติ ต้องเตือนในภูเก็ตให้เลิก เรามีข้อมูลอยู่หลายส่วนแล้ว ถ้าเป็นนอมินีข้ามชาติ การดูแลรักษาเรือก็จะไม่ดี ไม่เอาใจใส่ เหตุก็จะเกิดอยู่ร่ำไป เราจะบังคับใช้กฎหมายดำเนินคดีเหมือนกับบริษัท ทรานลี่
ส่วนของบริษัทเรือ ตอนนี้ตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นไปแล้ว ซึ่งหลังจากนี้ตนจะเดินทางไปพบกับเจ้าของเรือที่ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต เพราะฉะนั้นในเรื่องของการตรวจสอบเรือ ถ้าเป็นนอมินี เราต้องดำเนินคดีความผิดในเรื่องของภาษีอากร การประกอบธุรกิจนำเที่ยว รวมถึงเรื่องการจดทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในเรื่องนี้เราไม่ปล่อยไว้แน่นอน ถ้าพบเป็นนอมินีเมื่อไหร่ดำเนินคดีเมื่อนั้น เพราะถือว่ารายได้ไม่ได้เข้าประเทศ คนไทยเสียหาย วันนี้ต้องทำให้คนไทยมีที่ยืนโดยเฉพาะคนภูเก็ต
วันนี้ทูตทั้ง 2 ประเทศพอใจมาก ในช่วงค่ำทูตจีนจะเดินทางจากปักกิ่งเข้ามา วันนี้มอบหมายให้ผู้ช่วยทูตเดินทางมาดูแลก่อน วันนี้จากการช่วยเหลือ ผู้ช่วยทูตจีนได้โทรศัพท์รายงานไปยังประเทศจีน ว่าท่านชื่นชมการทำงานของเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนในการช่วยกันดูแลคนของท่าน เพราะฉะนั้นการตอบกลับไปยังประเทศของเขา ตนจึงเอาผู้ช่วยทูตจีนมา
ในส่วนของตลาดจีนในเรื่องการท่องเที่ยว ตนเชื่อมั่นว่า เกิดเหตุเป็นเรื่องที่ห้ามไม่ได้ แต่ว่าหลังเกิดเหตุแล้ว เราต้องดูแลคนของเขาให้เขาประทับใจ และอยากกลับมาเที่ยวอีก เพราะฉะนั้นเรื่องของการท่องเที่ยวทางทะเลวันนี้ กระแสลม กระแสคลื่น มรสุมต่างๆ เราอาจควบคุมไม่ได้ แต่สิ่งสำคัญคือการดูแลเขาหลังเกิดเหตุแล้ว
วันนี้ตนเชื่อมั่นว่า ในเรื่องบรรยากาศการท่องเที่ยวไทยไม่กระทบ เพราะว่าเราคนไทยดูแลนักท่องเที่ยวต่างประเทศดีอยู่แล้ว ตอนนี้สิ่งที่เขาร้องขอ คือ การต้องการตรวจสอบเอกลักษณ์บุคคล ว่าคนของเขามีใครบ้าง ขณะนี้ได้ตั้งศูนย์พิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ซึ่งผู้ช่วยทูตจีนรู้แล้วว่าเรามีการตรวจสอบเอกลักษณ์ที่ชัดเจน ดูแลด้านสาธารณสุขอย่างดี
ขณะที่ความคืบหน้าล่าสุด ในการค้นหาผู้สูญหายจากเหตุการณ์เรือไดร์วิ่งฟินิกซ์ล่มกลางทะเล บริเวณใกล้เกาะเฮ ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมา จำนวน 56 ราย เมื่อเวลา 18 .00 น. วันนี้ (6 ก.ค.) นายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย พล.ร.ต.เจริญพล คุ้มรังษี รองบัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 นายสนิท ศรีวิหค รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าวความคืบการค้นหานักท่องเที่ยวที่สูญหายจากเหตุการณ์ดังกล่าว
โดยขณะนี้การค้นหาผู้สูญหายทั้งหมดทางชุดประดาน้ำจากทัพเรือภาคที่ 3 ตำรวจน้ำ มูลนิธิต่างๆ และ ภาคเอกชนได้ยุติการค้นหาแล้ว เนื่องจากสภาพใต้ทะเลมืด ทำให้ยากแก่การมองเห็น โดยทางชุดปฏิบัติการจะเริมค้นหาอีกครั้งในช่วงเช้าวันพรุ่งนี้ (7 ก.ค.) โดยชุดประดาน้ำจะลงปฏิบัติการเหมือนวันนี้ ซึ่งจากการปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหาย ปรากฏว่า พบผู้เสียชีวิตรวม จำนวน 32 คน และมีนักท่องเที่ยวที่รอดชีวิต จำนวน 1 คน ทำให้ขณะนี้ยังมีผู้สูญหาย จำนวน 23 ราย ที่จะต้องยังค้นหาต่อไป
อย่างไรก็ตาม คืนนี้จะมีการประชุมร่วมกับทางเจ้าของเรือ ผู้ที่ต่อเรือ รวมทั้งภาคเอกชนที่เป็นเจ้าของเรือเครน เพื่อหารือในเรื่องของการกู้เรือ และศพของผู้เสียชีวิตที่คาดว่าจะยังติดอยู่ใต้ซากเรือ รวมทั้งการกู้เรือไปอยู่ในจุดที่น้ำตื้น ซึ่งจะต้องมีการประชุมร่วมกับเจ้าของเรือ และวางแผนร่วมกัน เพราะนอกจากจะใช้เรือเครน เรือของทัพเรือ เรายังจะต้องขอความร่วมมือจากเรือประมงเพื่อช่วยประกองเรือให้ทรงตัวอยู่ได้ ซึ่งทุกหน่วยจะต้องมีหารือร่วมกัน เพราะจะต้องมีการทำงานควบคู่ ทั้งการกู้เรือ และกู้ร่างของนักท่องเที่ยว
ส่วนการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลนั้น เนื่องจากมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ทำให้ความสามารถในการรองรับมีขีดจำกัด ซึ่งจะต้องมีการย้ายจุดไปตั้งศูนย์ตรวจพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลในพื้นที่บริเวณด้านหลังสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต ซึ่งอาจจะต้องใช้ตู้คอนเทนเนอร์มารองรับ เพราะจะต้องมีการตั้งเป็นศูนย์อำนวยการ ซึ่งพรุ่งนี้จะต้องมีการดำเนินการ แต่จะต้องรอดูในส่วนของโรงพยาบาลวชิระภูเก็ตอีกครั้ง