xs
xsm
sm
md
lg

ชกหมัดตรง : งบกว่า 3 แสนล้านกับ 16 ปีไฟใต้ระลอกใหม่สูญเปล่าหรือไม่? เมื่อโจรใต้ฟื้นปฏิบัติการล่าและไล่ “ไทยพุทธ” ถึงใน “สวนยาง” ที่เป็นหม้อข้าวหลัก / คาถา “ไม่มีบีอาร์เอ็นฯ” เมื่อไหร่จะหมดมนต์ขลัง! / แล้วเรื่องนี้จะถึงหู “ท่านผู้นำ” ไหม?!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

แฟ้มภาพ
  
โดย…ไชยยงค์  มณีพิลึก


 
แค่ราคายางพารากิโลฯละ 40 บาท ยางถ้วยหรือขึ้นยางกิโลฯละ 18 บาท ชาวสวนยางในจังหวัดชายแดนภาคใต้ก็แทบจะ “กระอักเลือด” วันละ 3 เวลาหลังอาหารกันอยู่แล้ว
 
เมื่อมาเจอพิษสงของ “โจรใต้” ด้วยการ “วางระเบิดแสวงเครื่องในสวนยาง” เข้าไปอีก ยิ่งทำให้ชาวสวนยางที่เป็น “ไทยพุทธ” หวาดผวาจนไม่กล้าไปตัดยาง เพราะไม่รู้ว่าสวนยางของตนเองมีโจรไปวางระเบิดไว้หรือไม่
 
เพราะ 9 วันที่ผ่านมา มีคนกรีดยาง ทั้งที่เป็นเจ้าของสวนและลูกจ้างในหลายพื้นที่ของ จ.ยะลา เช่น อ.ยะหา อ.กรงปีนัง และ อ.บันนังสตา ที่เข้าไปตัดยางเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บ บ้างขาขาดไปแล้ว 5 ราย ยังไม่รู้ว่าคืนนี้หรือคืนต่อๆ ไป ใครจะถึงคิวของการเป็น “คนพิการ” หรือต้อง “สังเวยชีวิต” ให้กับความชั่วร้ายของขบวนการ “บีอาร์เอ็นฯ” ที่มี “ดูลเลาะ แวมะนอ” เป็นหัวหน้าและเป็นผู้สั่งการ
 
ในอดีต “กับระเบิดในสวนยาง” เป็นฝีมือของ “ขบวนการพูโล” ที่ต้องการ “เรียกค่าคุ้มครอง” จากเจ้าของสวน หากสวนไหนจ่ายแล้วก็สามารถตัดยางอย่างปลอดภัย แต่ถ้าสวนไหนไม่จ่ายคนตัดต้องเจอกับระเบิดปลอม ถ้ายังไม่จ่ายอีกก็ต้องเจอระเบิดจริง
 
ระเบิดในสวนยางแบบนี้ก็ได้หายไปจากพื้นที่ 3 จังหวัด คือ ปัตตานี ยะลา และ นราธิวาส กับ 4 อำเภอของ จ.สงขลา ได้แก่ จะนะ เทพา นาทวี และ สะบ้าย้อย ไปนานระยะหนึ่ง เพราะวิธีการวางระเบิดโดยทำกับเป้าหมายอ่อนแอเป็นเรื่องที่น่าละอาย ขณะที่ “ขบวนการโจรการเมือง” ที่มี “จุดยืน” จริงๆ เขาไม่ทำกัน
 
ที่ผ่านมา “ผู้นำบีอาร์เอ็นฯ” รุ่นก่อนๆ ก็ไม่เคยมีคำสั่งให้ “แนวร่วม” จองเวรกับคนไทยพุทธในลักษณะของการทำลายอาชีพ ตัดเส้นทางทำมาหากินอย่างที่เกิดขึ้นใน 8-9 วันที่ผ่านมา
 
เกี่ยวกับเรื่องนี้ “ข่าววงใน” จากบีอาร์เอ็นฯ แจ้งว่า การก่อเหตุกับชาวพุทธโดยการวางกับดักระเบิดในสวนยางครั้งนี้ เพื่อเป็นการ “สั่งสอนเจ้าหน้าที่ระดับสูง” ในพื้นที่ ให้รู้จักบีอาร์เอ็นฯ ดียิ่งขึ้น
 
อันเป็นไปตาม “แผนแยกคน” เพื่อให้คนทั้ง 2 ศาสนา คือ พุทธ กับ อิสลาม กลายเป็น “ศัตรู” และอยู่กันด้วยความหวาดระแวงมากยิ่งขึ้น เป็นการชี้ถึง “จุดบกพร่อง” ของเจ้าหน้าที่รัฐให้คนไทยพุทธได้เห็นว่า ไม่สามารถคุ้มครองชีวิตและทรัพย์สินของคนไทยพุทธให้มีความปลอดภัยได้
 
เพราะแม้แต่พื้นที่ในการทำมาหากินก็ยังไม่มีความปลอดภัย แล้วจะให้คนไทยพุทธที่มีอยู่แค่ “หยิบมือเดียว” ที่ยังทนอยู่ในพื้นที่ด้วยความหวงแหนในมาตุภูมิ อยู่เพื่อรักษาแผ่นดิน นับจากนี้จะอยู่กันได้อย่างไร
 
นับจากปี 2547 และต้องรวมปี 2562 หรือปีหน้าที่จถึงนี้เข้าไปด้วย รัฐบาลมีการจ่ายงบประมาณและตั้งงบประมาณให้ใช้จ่ายให้กองทัพไปแล้ว 302,926.9 ล้านบาท นั่นอาจจะเป็น “ความสูญเปล่า” ใช่หรือไม่
 
“ยุทธศาสตร์” และ “ยุทธการ” ของ “กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” ในพื้นที่เป็นสิ่งที่ถูกต้องกับการดับไฟใต้ และกับการสร้างความปลอดภัยให้กับสุจริตชนได้จริงหรือไม่
 
เหล่านี้คือคำถามของชาวไทยพุทธในพื้นที่ที่สะท้อนผ่านช่องทางการสื่อสารในโลกของโซเชียลมีเดีย ซึ่งอาจจะยังไม่สามารถที่จะดังเข้าไป “กรอกหู” ของ “ท่านผู้นำประเทศ” ได้ในเวลานี้
 
ในขณะที่นโยบายในพื้นที่ ซึ่งผู้นำหน่วยประกาศว่า “ไม่มีบีอาร์เอ็นฯ” โดยการก่อการร้ายที่เกิดขึ้น “ไม่ใช่ฝีมือของบีอาร์เอ็นฯ” อย่างนั้นก็ต้องตอบให้คนไทยพุทธให้ชัดเจนว่า ที่คนไทยพุทธบาดเจ็บล้มตาย พิกลพิการ เป็นการสั่งการของใครให้แนวร่วมในพื้นที่เป็นผู้กระทำ
 
เช่นเดียวกับหน่วยงานที่ทำหน้าที่ “พูดคุย” กับกลุ่มต่างๆ ทั้งในพื้นที่และนอกพื้นที่ ซึ่งยืนยันว่า “จะไม่พูดคุยกับกลุ่มที่ใช้ความรุนแรง” นั้น นโยบายที่ประกาศออกมาแบบนี้ “ผิด” หรือ “ถูก” กันแน่
 
เพราะถ้าไม่พูดคุยกับผู้ใช้ความรุนแรง ไม่พูดคุยกับผู้สั่งการ แต่ไปพูดคุยกับ “กลุ่มที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง” หรือสั่งการให้ก่อเหตุแล้ว สถานการณ์ความรุนแรงจะจบอย่างไร
 
เพราะในสังคมของ “มุสลิม” ที่เป็นคนส่วนใหญ่ของพื้นที่นั้น อย่าหวังว่าคนเหล่านี้จะออกมา “ช่วยกดดัน” ให้กลุ่มก่อความรุนแรงหยุดใช้ความรุนแรง เพราะ “มุสลิมศพแล้วศพเล่า” ที่ขัดขวางแนวทางของบีอาร์เอ็นฯ นั่นก็คือคำตอบที่ชัดเจน
 
แน่นอนคนมุสลิมในพื้นที่ส่วนใหญ่ไม่ใช่ “โจรก่อการร้าย” และ “ไม่ได้สนับสนุนการก่อการร้าย” แต่ในสถานการณ์ ที่บีอาร์เอ็นฯ ใช้ความรุนแรงกับคนที่ไม่เห็นด้วยและขัดขวางแนวทางของบีอาร์เอ็นฯ ต้องจบชีวิตลงคนแล้วคนเล่า
 
การหวังให้ “มวลชน” ปฏิเสธความรุนแรง เพื่อให้สถานการณ์บนแผ่นดินปลายด้ามขวานดีขึ้น ถือเป็นเรื่องที่  “ผิดพลาด” เป็นอย่างยิ่ง และแสดงให้เห็นว่า “ไม่รู้ปัญหา” ของจังหวัดชายแดนภาคใต้ดีพอ
 
ระยะเวลา 9 วันกับเหตุระเบิดแสวงเครื่องในสวนยาง 5 ครั้ง และที่เก็บกู้ได้อีกจำนวนหนึ่ง ย่อมสร้างความหวาดผวาให้กับ “คนไทยพุทธ” ไม่เฉพาะแต่เจ้าของสวนยางใน จ.ยะลา แต่คนไทยพุทธที่มีสวนยางใน จ.ปัตตานี จ.นราธิวาส และพื้นที่ 4 อำเภอของ จ.สงขลา ก็คงนอนไม่หลับ และคงจะไม่กล้าเข้าสวนไปตัดยางกันหลายคน
 
แต่ ณ เวลานี้ก็ยังไม่เห็นมี “หน่วยงานไหน” ออกมาให้ “ความมั่นใจ” กับชาวสวนยางที่ฝาก “หม้อข้าว”ไว้กับการตัดยางในแต่ละวันว่า พวกเขาจะช่วยเหลือให้ชาวสวนยางสามารถทำมาหากินต่อไปได้อย่างไร
 
และคนที่ถูกโจรใต้ทำให้บาดเจ็บหรือพิการมีการให้ความช่วยเหลืออย่างไร หรือพยายามที่จะสอบสวนให้เป็น “เรื่องส่วนตัว” เพื่อที่จะได้บอกกับ “นายกรัฐมนตรี” ว่าระเบิดในสวนยางทั้ง 5 ราย รวมทั้งที่กู้ได้ เป็นเรื่องของ “ความขัดแย้งส่วนตัว” เป็นเรื่องของ “ยาเสพติด” หรือ “ผู้มีอิทธิพล” ต่างๆ นานา เพราะ “ไม่มีบีอาร์เอ็นฯ” แล้ว
 
เชื่อว่า “กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” และ “ฉก.ยะลา” ซึ่งเป็นพื้นที่เดียวที่ไทยพุทธถูกวางระเบิดแสวงเครื่องในสวนยาง ทั้ง 2 หน่วยงานคงไม่ได้นิ่งนอนใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น อีกทั้งพยายามในการที่จะหาวิธีการป้องกันสวนยางต่างๆ ที่เป็นเป้าหมายของการวางระเบิดต่อไป
 
แต่การที่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ไม่ออกมาแถลงข่าวถึงแนวทางในการช่วยเหลือ ในการป้องกันเหตุให้กับคนไทยพุทธที่ถูกโจรใต้กระทำ ก็อาจจะถูกนำไปเปรียบเทียบกับการให้ความช่วยเหลือ “แนวร่วมกลับใจ” ที่มีการ ต้อนรับและมอบเงินให้กันอย่างเอกเกริก จนถูกมองว่าเป็นการทำหน้าที่ “2 มาตรฐาน” ไปหรือไม่
 
ถ้า  กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ไม่มีมาตรการในการดูแลให้ไทยพุทธที่มีอาชีพในการทำสวนยาง สามารถทำมาหากินต่อไปได้แล้ว จะให้เขาทำอย่างไร ถ้าจะให้เขาต้องหยุดตัดยาง แล้วใครจะเลี้ยงดูครอบครัวของเขา หรือปล่อยให้พวกเขาเป็นไปตาม “ยถากรรม” อย่างนั้นหรือ
 
หรือสุดท้ายแล้วต้องให้เขา “ทิ้งถิ่น” หรือ “ทิ้งมาตุภูมิ” แล้วโยกย้ายออกจากพื้นที่เพื่อไป “ตายเอาดาบหน้า” เพื่อให้เป็นไปตามแผนของบีอาร์เอ็นฯ อย่างนั้นหรือ
 
ถ้าปัญหาที่เกิดขึ้นกับ “พี่น้องไทยพุทธ” ยังมีคนรับผิดชอบอยู่จริง ก็ช่วยตอบคำถามเหล่านี้ให้คนในพื้นที่ได้ยินให้ ชื่นใจกันบ้างว่า พวกเขาไม่ใช้ปัญหาของการดับไฟใต้
 


กำลังโหลดความคิดเห็น