ยะลา - “พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์” โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า แถลงข่าวกรณีการตรวจยึดวัตถุระเบิดแสวงเครื่องแบบขว้าง ในพื้นที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส พร้อมคุมตัวผู้ต้องหาได้ 1 คน หลบหนีไปได้อีก 1 คน
วันนี้ (22 มิ.ย.) ที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า กรณีการตรวจยึดวัตถุระเบิดในพื้นที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เป็นระเบิดแสวงเครื่องแบบขว้าง จำนวน 40 ลูก และอุปกรณ์ประกอบระเบิดจำนวนหนึ่ง
โดยเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2561 เวลาประมาณ 11.30 น. ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง จำนวน 3 นาย ลาดตระเวนบนทางหลวงหมายเลข 4057 ระหว่าง อ.สุไหงโก-ลก-อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ได้ตรวจพบรถยนต์ต้องสงสัยยี่ห้ออีซูซุ รุ่นดีแม็ก สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน บท 2788 ปัตตานี มีพิรุธ เมื่อพบเจ้าหน้าที่ได้ขับรถหลบหนี เจ้าหน้าที่จึงไล่ติดตามจนสามารถควบคุมรถคันดังกล่าวได้ พบบุคคลภายในรถ จำนวน 2 คน ควบคุมตัวไว้ได้ 1 คน คือนายซานูซี ยาแต อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 21/1หมู่ 10 ต.ตันหยงมัส อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ส่วนอีก 1 คนหลบหนีไปได้ ทราบชื่อคือ นายอับดุลอาซิ สามะ อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 133 หมู่ 1 ต.บางขุนทอง อ.ตากใบ จ.นราธิวาส
จากการตรวจค้นภายในรถพบวัตถุระเบิดแสวงเครื่อง และอุปกรณ์ประกอบระเบิด จำนวน 7 รายการ คือระเบิดแสวงเครื่องแบบขว้าง จำนวน 40 ลูก วงจรวิทยุสื่อสาร จำนวน 2 กล่อง ชุดวงจรตั้งเวลา 5 นาที จำนวน 36 กล่อง ชุดวงจรตั้งเวลา 10 นาที จำนวน 1 กล่อง ชุดวงจรตั้งเวลา 30 นาที จำนวน 2 กล่อง ระเบิดแสวงเครื่องแบบท่อเหล็ก จำนวน 1 ลูก และไฟฉาย จำนวน 4 กระบอก
“จากกรณีเหตุการณ์ดังกล่าวจะเห็นได้ว่า คนร้ายยังคงพยายามสร้างสถานการณ์เพื่อสร้างความเสียหาย ทั้งชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน ทำลายเศรษฐกิจ และความสงบสุขในพื้นที่ ในการนี้ แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้สั่งการให้หน่วยรวบรวมวัตถุพยาน สืบสวน สอบสวน เพื่อขยายผลไปยังผู้ที่เกี่ยวข้อง และจะบังคับใช้กฎหมายเพื่อติดตามจับกุมผู้กระทำผิดที่ร่วมขบวนการมาลงโทษ ตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป พร้อมทั้งได้ชื่นชมเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม และแหล่งข่าวภาคประชาชนที่ช่วยกันแจ้งเบาะแส จนสามารถนำไปสู่การจับกุม และตรวจยึดระเบิดดังกล่าวไว้ได้ก่อนที่จะนำไปก่อเหตุ สามารถป้องกันชีวิต และทรัพย์สินได้เป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพฤติกรรมคนร้ายในเบื้องต้น นายซานูซี ยาแต มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุสำคัญในพื้นที่มาแล้วหลายครั้ง เช่น เข้าร่วมโจมตีฐาน ร้อย ร.15121 (ฐานพระองค์ดำ) เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2554, การเข้ายึดโรงพยาบาลเจาะไอร้อง เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2559 และอื่นๆ อีกหลายคดี เคยถูกจับกุมดำเนินคดีในข้อหาครอบครองอาวุธปืน และถูกจำขังที่เรือนจำจังหวัดนราธิวาส เป็นเวลา 4 ปี พ้นโทษออกมาเมื่อปี 2558
สำหรับนายอับดุลอาซิ สามะ ที่หลบหนีไปได้นั้น เจ้าหน้าที่กำลังติดตามจับกุม พร้อมกับขายผลไปยังเครือข่ายที่เกี่ยวข้องต่อไป ซึ่งล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้ขยายผลตรวจค้นที่บ้านพักของนายซานูซี ตรวจพบวัตถุต้องสงสัยเพื่อใช้ในการประกอบระเบิด จำนวน 7 รายการ และตรวจค้นบ้านพักของนายอับดุลอาซิ จากการตรวจสอบยังไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย สำหรับรถยนต์คันที่ใช้ขนระเบิดเป็นรถของ นายอุษมา ยาแต น้องชายของนายซานูซี ถูกควบคุมตัวกรณีมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุโจมตีเจ้าหน้าที่ ร้อย ร.15121 เมื่อปี 2554 และศาลตัดสินจำคุกตลอดชีวิต หลังเกิดเหตุทางแม่ทัพภาค 4 ได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยได้เพิ่มความเข้มงวดในการปฏิบัติ ด้วยการตั้งจุดตรวจจุดสกัด แบบไม่ประจำที่ ไม่เป็นเวลาให้มากขึ้น เพื่อให้สามารถสกัดกั้นความพยายามในการก่อเหตุ ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น” พ.อ.ปราโมทย์ กล่าว