ปัตตานี - “พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์” โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า แจงเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดตู้เอทีเอ็มใน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ชี้เป้าหมายเพื่อสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน สั่งเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยให้รัดกุมยิ่งขึ้น
วันนี้ (21 พ.ค.) ที่โรงพยาบาลปัตตานี พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า แถลงข่าวกรณีเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อคืนวันที่ 20 พ.ค.ที่ผ่านมา ว่า จากการตรวจสอบจุดเกิดเหตุทั้งหมดนั้น คนร้ายใช้ระเบิดขนาดเล็กก่อกวน ส่วนใหญ่เป้าหมายคือ ตู้เอทีเอ็ม กระจายไปยัง 4 จังหวัด คือ จ.ยะลา 9 จุด จ.ปัตตานี 10 จุด จ.นราธิวาส 3 จุด และ จ.สงขลา อีก 2 จุด
โดยแยกเป็นการก่อเหตุในลักษณะดังนี้ 1.การก่อเหตุด้วยระเบิดที่ตู้เอทีเอ็ม จำนวน 14 จุด 2.การวางวัตถุต้องสงสัยเพื่อก่อกวน จำนวน 5 จุด และวางระเบิดเสาไฟฟ้า จำนวน 2 จุด ซึ่งเจ้าหน้าที่เก็บกู้ระเบิดได้ 2 จุด และมีการยิงใส่ฐานปฏิบัติการของหน่วยเฉพาะกิจทหารเรือ ซึ่งภายหลังเกิดเหตุ แม่ทัพภาคที่ 4 จึงได้ย้ำให้หน่วยเฉพาะกิจเข้ามาดูแลในเรื่องความปลอดภัยทันที เป้าหมายหลักของคนร้ายที่ก่อเหตุคือ ตู้เอทีเอ็ม เพื่อต้องการสร้างความเดือดร้อนให้แก่พี่น้องประชาชน เพราะจุดที่ก่อเหตุเป็นจุดสาธารณะที่ประชาชนสามารถเข้าไปใช้บริการได้ตลอดเวลา
นอกจากนี้ คนร้ายต้องการที่จะฝ่าฝืนหลักคำสอนของหลักอิสลาม เพราะเดือนนี้เป็นเดือนอันศักดิ์สิทธิ์ของชาวมุสลิม คือ เดือนรอมฎอนที่ต้องประกอบศาสนกิจ ซึ่งที่ผ่านมา องค์กรศาสนาทั้ง 11 องค์กรก็ออกมาประกาศเจตนารมณ์ที่ชัดเจน ในเรื่องของประพฤติปฏิบัติตนในช่วงเดือนรอมฎอน
และเมื่อคืนหลังเกิดเหตุ ทางแม่ทัพภาคที่ 4 ก็ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ และได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่รวบรวมวัตถุพยานที่จะนำไปสู่การติดตามจับกุมคนร้าย ซึ่งคนร้ายที่อยู่เบื้องหลังในการก่อเหตุครั้งนี้ พอรู้ตัวแล้วว่าเป็นกลุ่มไหนบ้าง และจากการตรวจสอบเบื้องต้นมีหลักฐานหลายจุด โดยเฉพาะลักษณะของคนร้ายที่มีการแต่งกายเลียนแบบเจ้าหน้าที่เข้ามาก่อเหตุในพื้นที่ต่างๆ ซึ่งหลังเกิดเหตุเมื่อคืนจนถึงเช้านี้ยังคงเข้มงวดในการรวบรวมวัตถุพยานให้ได้มากที่สุด
ทั้งนี้ ยังได้ย้ำเรื่องมาตรการความปลอดภัย ให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้แก่พี่น้องประชาชนอย่างสูงสุด โดยเฉพาะในช่วงคืนรอมฎอน และตามจุดตรวจอาจต้องเพิ่มมากขึ้นอีก ซึ่งก่อนหน้าเดือนรอมฎอน เจ้าหน้าที่ได้สกัดกั้นคนร้ายไม่ให้เข้ามาก่อเหตุได้ เช่น ที่ อ.สุไหงโก-ลก อ.มายอ และ อ.แว้ง ต่อไปนี้ขอให้ประชาชนมั่นใจ และจะใช้มาตรการให้รัดกุมยิ่งขึ้น และใช้มาตรการทางกฎหมายเพื่อสืบไปถึงตัวผู้ที่อยู่เบื้องหลังต่อไป