ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - “ธพว.” จับมือสถาบันวิจัยและพัฒนานวัตกรรมยาง ม.อ. ปฏิวัติผู้ประกอบการธุรกิจยางด้วยนวัตกรรม วาดหวังติดปีกสร้างมูลค่าเพิ่มสู่ตลาดโลก โดยจัดหลักสูตร “SME- D Scaleup Rubber Innovation” ขึ้นเป็นครั้งแรกในไทย ผสานด้วยการสนับสนุนเงินทุนดอกเบี้ยต่ำเพื่อต่อยอดธุรกิจให้เติบโตยั่งยืน
นายมงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME Development Bank เปิดเผยว่า ธนาคารมีนโยบายสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีกลุ่มยางพาราให้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงการขับเคลื่อนประเทศก้าวสู่ไทยแลนด์ 4.0 ตามนโยบายรัฐบาล โดยได้ร่วมกับ สถาบันวิจัยและพัฒนานวัตกรรมยางพารา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) จัดทำโครงการหลักสูตร SME - D Scaleup Rubber Innovation ครั้งแรกประเทศไทย ซึ่งเป็นหลักสูตรการสร้างและพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจยางรูปแบบใหม่ ที่ต้องการสร้างแนวคิดสร้างสรรค์ผสมผสานนวัตกรรม เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค และสร้างมูลค่าเพิ่มของยางผ่านกระบวนความคิดสร้างสรรค์ที่สามารถออกสู่ตลาดโลกได้จริง
รวมถึงเอื้อโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำจากทางธนาคาร เพื่อความสำเร็จของธุรกิจอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นมิติใหม่การพัฒนา การเรียนรู้ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมจากวิทยากรชั้นแนวหน้าของประเทศไทย ที่เป็นกูรูตัวจริงในแวดวงธุรกิจยางมาร่วมถ่ายทอดองค์ความรู้ พร้อมเป็นพี่เลี้ยงช่วยดูแลฟูมฟักตั้งแต่การเริ่มต้นกระบวนการคิด สู่การต่อยอดธุรกิจ การสร้างมาตรฐาน และส่งเสริมการตลาด เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์การแปรรูปยางพาราออกเป็นผลิตภัณฑ์อย่างเป็นรูปธรรมต่อไป
ทั้งนี้ ยางพาราไทยนับเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีบทบาทสำคัญ เป็นสินค้าอุตสาหกรรมเกษตรที่มียอดส่งออกอันดับ 1 ของประเทศ ด้วยมูลค่าการส่งออกยางดิบรวม 1.7 แสนล้านบาทในปี 2558 โดยคิดเป็น 87% ของรายได้รวมทั้งหมด ในขณะที่มีมูลค่าการแปรรูปยางสูงถึง 2.07 แสนล้านบาท คิดเป็น 13% เท่านั้น จะเห็นได้ว่าจำนวนของการแปรรูปยางคิดเป็นเปอร์เซ็นต์น้อยมาก แต่กลับสร้างมูลค่าเพิ่มได้มากกว่าการส่งออกในรูปยางดิบ
“ฉะนั้นแนวความคิดการเปลี่ยนตัวเองสู่การพัฒนายางแปรรูปให้สูงขึ้น จะส่งผลต่อการยกระดับผู้ประกอบการ สร้างรายได้เพิ่มขึ้นและส่งผลกลับสู่เศรษฐกิจของประเทศด้วย โครงการหลักสูตร SME- D Scaleup Rubber Innovation นี้จะเป็นการตอบโจทย์ส่วนหนึ่งในการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการยางสู่การแปรรูป เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศต่อไป” นายมงคลกล่าวและเสริมว่า
สำหรับหลักสูตรการเรียนจะเป็นการอบรมเชิงปฏิบัติการจากวิทยากรชั้นนำระดับประเทศ อาทิ รศ.ดร.อัทธ์ พิศาลวาณิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และยังเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ยางระหว่างประเทศ รศ.ดร.เจริญ นาคะสรรค์ นักวิจัยด้านยางระดับนานาชาติ ม.อ.และบอร์ดบริหารการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) นายธีรศักดิ์ วงศ์ปิยะ กรรมการผู้จัดการประเทศไทย บริษัท โบลด์ กรุ๊ป ที่ปรึกษานวัตกรรมที่ร่วมวิจัยและพัฒนานวัตกรรมกับบริษัทชั้นนำของโลก เช่น BMW, Shell และ CPALL
ผศ.ดร.อัครวิทย์ กาญจนโอภาษ รองเลขาธิการ สวทน. และผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการทรัพย์สินทางปัญญา นายนิธิ วติวุฒิพงศ์ ผู้ก่อตั้งและบริหารบริษัทพลีอาดีส บางกอก จำกัด ผู้ให้บริการ Content Solution & Knowledge Management เพื่อการสื่อสารมวลชนและโฆษณาและประชาสัมพันธ์ นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที สื่อมวลชนผู้เชี่ยวชาญด้านสินค้าการเกษตรยาง ปาล์ม และข้าว
“การอบรมจะเน้นภาคปฏิบัติสร้างประกายจุดแนวความคิดสร้างสรรค์เชิงนวัตกรรม เทคโนโลยี การแชร์องค์ความรู้ การต่อยอดการตลาดและการสื่อสารทรัพย์สินทางปัญญา และการสร้างเครือข่ายนักธุรกิจแปรรูปยาง ซึ่งจะมีค่ายฝึกปฏิบัติจริงระยะเวลาหลักสูตรอบรม 3 เดือน หรือตั้งแต่ มิ.ย.ถึง ก.ย.2561 และจะมีพี่เลี้ยงให้คำปรึกษาแนะนำอย่างใกล้ชิดอีก 2 เดือนคือช่วง ต.ค.ถึง พ.ย.2561 เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม”
กรรมการผู้จัดการ ธพว.กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ธนาคารจะให้การสนับสนุนเงินทุนดอกเบี้ยต่ำกับผู้เข้าร่วมอบรมที่มีศักยภาพในการแปรรูปผลิตภัณฑ์ยางสู่ตลาด เพื่อการสร้างและต่อยอดธุรกิจ รวมถึงการส่งเสริมการตลาดเพื่อให้ผลิตภัณฑ์สามารถเติบโตแบบยั่งยืน โดยธนาคารมีสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ อาทิ สินเชื่อเถ้าแก่ 4.0 เพื่อใช้เป็นเงินทุนยกระดับปรับเปลี่ยนธุรกิจ อัตราดอกเบี้ยต่ำเพียง 1% ต่อปี คงที่ตลอดระยะเวลา 7 ปี และปลอดชำระเงินต้น 3 ปีแรกด้วย ซึ่งถือเป็นอัตราดอกเบี้ยถูกที่สุดในประวัติศาสตร์การให้บริการสินเชื่อธุรกิจของสถาบันการเงินไทย
“สามารถกู้ได้สูงสุด 1 ล้านบาทต่อราย สำหรับผู้กู้เป็นนิติบุคคล เช่น บริษัทจำกัด ห้างหุ้นส่วนจำกัด หรือห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล ไม่ต้องมีหลักประกัน แม้จะมีประวัติการชำระเงินไม่สม่ำเสมอ ก็สามารถกู้ได้ โดยใช้เอกสารประกอบการพิจารณาสินเชื่อ เป็นไปตามสภาพข้อเท็จจริงของกิจการ และสินเชื่อเศรษฐกิจติดดาว คิดอัตราดอกเบี้ยเพียง 3% ต่อปี คงที่ 3 ปีแรก ผ่อนนาน 7 ปี สามารถใช้ บสย.ค้ำประกัน ที่สำคัญฟรีค่าธรรมเนียม 4 ปีแรก” นายมงคลกล่าว
สำหรับผู้สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมโครงการฟรี หรือไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 18 มิ.ย.2561 โดยจะมีการพิจารณาคัดเลือกและประกาศผลภายใน 30 มิ.ย.2561 สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สถาบันวิจัยและพัฒนานวัตกรรมยางพารา ม.อ. หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร. 074-282267-69 และ 099-4819032 หรือสามารถดูรายละเอียดและสมัครได้ที่เฟซบุ๊ก : Powersmethai (ศูนย์นวัตกรรมทางเทคโนโลยี)