xs
xsm
sm
md
lg

ประจานข้ามปี! ทุจริตสนามกีฬาเมืองพระยังไม่คืบ ผวจ.จี้คายให้ อบจ.บริหารแทน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


 
นครศรีธรรมราช - การดำเนินคดีต่อขบวนการทุจริตสนามกีฬากลางเทศบาลนครศรีธรรมราช ยังไม่คืบหน้า ขณะที่ ผวจ.หัวโต๊ะสำนักงาน ก.ก.ถ.นครศรีธรรมราช จี้ให้โอนสนามให้ อบจ.ตั้งงบอีกกว่า 10 ล้านฟื้นฟู แต่ ส.ท.หลายคนยืนยันจะไม่เห็นชอบในการโอน

วันนี้ (8 พ.ค.) ที่ จ.นครศรีธรรมราช มีรายงานสภาพสนามกีฬากลางนครศรีธรรมราช ยังคงอยู่ในสภาพทรุดโทรมหนักเป็นหลักฐานประจานการทุจริต แม้ว่าจะมีการสอบสวน และชี้มูลการทุจริตจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินภูมิภาคที่ 14 มาแล้วอย่างชัดเจน ให้ดำเนินคดีทั้งแพ่ง และอาญาต่อผู้บริหารเทศบาลนครนครศรีธรรมราช และข้าราชการที่เกี่ยวข้องรวม 13 ราย พร้อมทั้งเรียกเงินคืนแผ่นดิน จำนวนกว่า 8 ล้านบาท จากการใช้จ่ายงบประมาณปรับปรุงสนามนี้ จำนวน 13.4 ล้านบาท
 

 
แต่ทั้งหมดนี้ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ หลังจากการชี้มูลตลอด 1 ปีที่ผ่านมา นอกจากนั้น กระแสข่าวการวิ่งเต้นเพื่อให้กระบวนการตรวจสอบสิ้นสุด และหลุดพ้นจากคดีต่อผู้อำนาจยังคงเล็ดลอดสะพัดออกมาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน คงมีเพียง นายเชาว์นวัศ เสนพงศ์ นายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราช ที่ต้องคำสั่งให้ระงับการปฏิบัติหน้าที่โดยอำนาจของหัวหน้า คสช.เมื่อกลางปีก่อนเท่านั้น

ล่าสุด เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการอำนวยการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นระดับจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้เรียกประชุมกรรมการที่เกี่ยวข้อง และมีมติให้เทศบาลนครนครศรีธรรมราช โอนทรัพย์สินสนามกีฬากลางนครศรีธรรมราช ให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นผู้บริหารจัดการทั้งหมด

ขณะที่ นายมนูญ ศิริธรรม รองปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช รักษาราชการแทนนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช ระบุว่า ได้จัดเตรียมงบประมาณ จำนวน 10.5 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงซ่อมแซมสนามกีฬากลางนครศรีธรรมราช และพร้อมใช้งบเหลือจ่ายประจำปีนี้เข้าซ่อมบำรุงสนามเพิ่มเติมด้วย
 

 
แต่ทางด้านสมาชิกสภาเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ฝ่ายตรวจสอบหลายคน ยืนยันว่า แม้มติของคณะอนุกรรมการอำนวยการกระจายอำนาจระดับจังหวัด จะให้โอนสนามกีฬากลางนครศรีธรรมราช ให้องค์การบริหารส่วนจังหวัด แต่อำนาจเด็ดขาดนั้นจะอยู่ที่สภาเทศบาลนครนครศรีธรรมราช จะโอนให้หรือไม่ก็ได้ สนามกีฬาแห่งนี้ต้องได้รับการแก้ไข และต้องมีผู้รับผิดชอบในการทุจริตที่เกิดขึ้นก่อน ดังนั้น สมาชิกหลายคนพร้อมมีมติไม่เห็นชอบต่อการโอน

สำหรับสนามกีฬาแห่งนี้ถูกตรวจสอบจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน และภาคประชาสังคมจนพบการทุจริตอย่างเข้มข้น จนสำนักงานการตรวจเงินเงินแผ่นดินภูมิภาคที่ 14 ได้สอบสวนชี้มูล และพฤติการณ์ในการทุจริต รวมทั้งเรียกเงินคืน ขณะที่สภาพสนามสวนทางต่อการใช้งบประมาณกว่า 13.4 ล้านบาท เป็นหลักฐานสำคัญ ไม่สามารถใช้สำหรับการแข่งขันอย่างเป็นทางการได้ ผู้บริหารกลับทำหนังสือโอนสนามกีฬานี้ให้แก่ อบจ.แต่กระบวนการยังไม่แล้วเสร็จ จนไม่สามารถซ่อมแก้ไขร่องรอยการทุจริตได้ ต้องอยู่ในสภาพเดิมมาจนปัจจุบันรวมเวลาเกือบ 4 ปีแล้ว
 




กำลังโหลดความคิดเห็น