นครศรีธรรมราช - พบใบปลิวแฉเดือดอมเงินตอบแทนเจ้าหน้าที่ดับเพลิงจากเศรษฐีใจบุญ “จิมมี่ ชวาลา” ว่อนศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช ผู้ว่าฯ ทราบเรื่องสั่งตรวจสอบทันที
วันนี้ (27 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช เจ้าหน้าที่ได้เก็บใบปลิวได้อ้างแหล่งที่มาจากพนักงานเจ้าหน้าที่เทศบาลนครนครศรีธรรมราช และเร่งส่งให้ นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ทันที ส่วนเนื้อความในใบปลิวฉบับนี้ได้แฉข้อมูลด้วยข้อความอย่างเผ็ดร้อน
โดยได้ตั้งคำถามถึงข้าราชการ โดยมีการระบุชื่ออย่างชัดเจน 2 ราย โดยมีข้อมูลทั้งหมดยาวถึง 1 หน้ากระดาษขนาด A4 โดยเนื้อหาได้ตั้งคำถามกล่าวถึงเงิน จำนวน 1 ล้านบาท ที่ นายจิมมี่ ชวาลา ได้มอบให้แก่พนักงานดับเพลิงเทศบาลนครนครศรีธรรมราช เป็นรางวัลตอบแทนที่ได้ให้การช่วยเหลือดับเพลิงบริเวณอาคารพาณิชย์ติดกับห้างผ้าของ นายจิมมี่ ชวาลา ทำให้ห้างผ้าของนายจิมมี่ ไม่ถูกเพลิงลุกลามเมื่อหลายเดือนก่อน
ซึ่งในใจความเนื้อหาโดยสรุปในใบปลิว ระบุว่า ได้รับการชี้แจงว่าเงิน 1 ล้านบาท แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกแจกจ่ายให้เจ้าหน้าที่ 110 นาย และเจ้าหน้าที่ที่ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย เป็นเงิน 9 พันบาท เจ้าหน้าปฏิบัติงานในวันเกิดเหตุ 41 ราย รายละ 7 พันบาท และเจ้าหน้าที่ที่ไม่ได้เข้าเวรปฏิบัติหน้าที่ขณะเกิดเหตุ 68 ราย รายละ 3 พันบาท รวมเป็นเงิน 5 แสนบาท ส่วนอีก 5 แสนบาท ซึ่งเงินส่วนนี้ผู้บริหารได้อ้างว่าเก็บไว้เป็นกองทุนสำหรับฝ่ายบรรเทาสาธารณภัยใช้ต่อไปในอนาคต ซึ่งเคยปรากฏเป็นข้อมูลข่าวมาแล้วก่อนหน้านี้ไม่นาน
ใบปลิวนี้ยังตั้งคำถามไว้ด้วยว่า จนถึงวันนี้เงิน จำนวน 5 แสนบาท ฝากอยู่กับใคร? ก่อนที่จะบรรยายต่อถึงพฤติการณ์ที่เกิดขึ้น โดยอ้างว่า เป็นพวกที่อยู่เบื้องหลังคนโกงชาติ แต่ครั้งนี้อย่ามาโกงลูกน้องกันเอง เขาให้เงินมาแบ่งเฉพาะผู้ที่ปฏิบัติงาน ไม่ใช่ให้เทศบาล ไม่ใช่ให้ ไอ้... ไอ้... ซึ่งทั้งหมดเป็นเรื่องที่ผิดเจตนารมณ์ของ นายจิมมี่ ชวาลา และเรียกร้องให้ผู้หลักผู้ใหญ่ของจังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมทั้งสื่อมวลชนช่วยเหลือในข้อมูลที่เกิดขึ้น
ขณะที่ นายสุเมธ ช้างชนะ ปลัดอำเภอ เลขานุการผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้รับรายงานได้นำเรียนโดยตรงต่อ นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เรียบร้อยแล้ว และผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้สั่งการให้ท้องถิ่นจังหวัดนครศรีธรรมราช ไปตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริงอย่างเร่งด่วนแล้ว