ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ทหารแจ้งความร้องทุกข์หาตัวคนโพสต์คลิปพร้อมข้อความกล่าวหาเจ้าหน้าที่รีดไถโรงแรมในภูเก็ต ฐานผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ตำรวจ 2 นาย ซึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุถูกตั้งกรรมการสอบสวน พร้อมย้ายไปช่วยราชการศูนย์ฝึก ตร.ภ.8 ด้านผู้บริหารโรงแรมยันไม่ใช่ผู้มีอิทธิพลตามที่ถูกพนักงานร้องเรียน ย้ำเป็นเรื่องภายใน ไม่ใช่คนโพสต์คลิปในโซเชียล แต่ส่งให้กลุ่มเพื่อนสนิท
เมื่อเวลา 08.30 น. วันนี้ (2 เม.ย.) ที่สถานีตำรวจภูธรป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต พ.ท.สุรศักดิ์ พึ่งแย้ม รอง ผบ.ร.25 พัน 2 พร้อมด้วย ร.ต.วัฒนชัย คล่องประดิษฐ์ หัวหน้าชุดรักษาความสงบเรียบร้อย กองทัพภาคที่ 4 จ.ภูเก็ต ได้นำหลักฐานเข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.เจษฎา แสงสุรีย์ รอง ผกก.สอบสวน สภ.ป่าตอง ในฐานะผู้เสียหาย เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ และลงบันทึกประจำวัน ให้หาตัวคนนำคลิปวีดีโอขณะเจ้าหน้าที่ทหารกำลังพูดคุยกับทางผู้บริหารโรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่ป่าตอง โดยมีการโพสต์ข้อความในลักษณะทำให้เกิดความเสื่อมเสีย และสร้างความเสียหายให้แก่กองทัพ ไปเผยแพร่ในสื่อออนไลน์ ซึ่งเป็นการทำความตามความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ขณะที่ พ.ต.อ.อโณทัย จินดามณี ผกก.ป่าตอง กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย ที่เข้าไปอยู่โรงแรมวันที่เกิดเหตุ ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 2 นาย เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ ซึ่งวันนั้นไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ และหลังจากมีกระแสออกมามาทั้ง 2 นาย ไปติดตามผู้ประกอบกาทางตนก็ได้สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว โดยจะใช้ระยะเวลาในการดำเนินการประมาณ 1 เดือน และขณะนี้ทางผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ได้มีคำสั่งให้ทั้ง 2 นาย ไปปฏิบัติหน้าที่ที่ศูนย์ฝึกตำรวจภูธรภาค 8 จนกว่าการสอบสวนข้อเท็จจริงจะแล้วเสร็จ
สำหรับการตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงในครั้งนี้จะต้องมีการสอบข้อเท็จจริงทั้งในส่วนของฝ่ายทหาร และในส่วนของผู้ประกอบการ เพื่อให้ความเป็นธรรมต่อทั้ง 2 ฝ่าย ส่วนผลสอบออกมาเป็นอย่างไรก็ต้องว่ากันไปตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น
ด้าน นายวิศิษฐ์ เอี่ยววิโรจน์ฤทธิ์ กรรมการบริหาร บริษัทป่าตอง พารากอน จำกัด กล่าวว่า คลิปที่โพสต์ขึ้นไปตนไม่ได้เป็นคนโพสต์ เพียงแต่ตนได้ส่งคลิปให้แก่กลุ่มเพื่อนที่สนิทกันเท่านั้น ส่วนใครเป็นคนเอาไปโพสต์ และใส่ข้อความอะไรลงไปตนไม่ทราบ เพราะไม่ใช่คนเขียน ส่วนคลิปที่เกิดขึ้นวันนั้นมีการถ่ายคลิปทั้ง 2 ฝ่าย และ คลิปที่ตนมีอยู่ไม่ใช่คลิปที่มีการตัดต่ออย่างแน่นอน
ตนยืนยันได้ว่าตนไม่ใช่ผู้มีอิทธิพล ไม่ได้ทำธุรกิจสีเทา ไปไหนมาไหนไปคนเดียวตลอด พร้อมที่จะพูดความจริงกับทุกคน ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาภายในโรงแรมที่ตนไล่พนักงานคนหนึ่งออกเนื่องจากขาดงาน 6 วัน ซึ่งก่อนจะไล่ออกตนก็ได้สอบถามไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว และสามารถที่จะให้พนักงานคนดังกล่าวออกได้ ตนจึงได้ให้ออก ทำให้พนักงานคนดังกล่าวไม่พอใจ และยังกลับเข้ามาในโรงแรมทั้งๆ ที่มีการปิดประกาศห้ามเข้า
แต่พนักงานคนดังกล่าวยังเข้ามา ตนจึงไปแจ้งความต่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ไม่เคยใช้อิทธิพลไปข่มขู่ใคร หรือใช้ให้ใครไปข่มขู่ ซึ่งการแจ้งความก็ว่ากันไปตามข้อเท็จจริง ทางตำรวจจึงขอศาลอนุมัติหมายจับ ซึ่งก็ปล่อยให้กฎหมายเป็นผู้ดำเนินการ เรื่องนี้อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบข้อเท็จจริงจากฝ่ายตนด้วยถึงปัญหาที่เกิดขึ้นว่าเกิดจากอะไร และขอยืนยันว่า ตนไม่ใช่ผู้มีอิทธิพล