ศูนย์ข่าวภูเก็ต - จนมุม! โจรต่างชาติอุกอาจจี้ชิงทรัพย์นักท่องเที่ยววันเดียว 2 ราย ตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัดภูเก็ต บุกรวบคาห้องพัก ก่อนหนีออกนอกประเทศ อ้างนำเงินไปรักษาภรรยาที่ป่วย
วันนี้ (12 มี.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.กะรน และพนักงานสอบสวน สภ.กะรน ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.ธีระพล ทิพย์เจริญ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.อ.เสริมพันธุ์ ศิริคง รองผบก.ภ.จว.ภูเก็ต นำโดย พ.ต.ท.ธรรมสรรค์ บุญทรง รอง ผกก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต
นำตัว MR.NAHUM PEDRE สัญชาติอาร์เจนตินา อายุ 25 ปี ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ หลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้ตามหมายจับศาลจังหวัดภูเก็ต ที่ 149/2561 และที่ 150/2561 ลงวันที่ 11 มีนาคม 2561 ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน “ชิงทรัพย์โดยมีอาวุธ มีด โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิด หรือการพาทรัพย์นั้นไปเพื่อให้พ้นจากการจับกุม” หลังลงมือก่อเหตุชิงทรัพย์นักท่องเที่ยวจีนถึง 2 ราย ภายในวันเดียว
สำหรับการจับกุมในครั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 9 มี.ค.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 10.34-10.41 น. เกิดเหตุคนร้ายเป็นชายชาวต่างชาติใช้อาวุธมีด และรถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะจี้ชิงทรัพย์นักท่องเที่ยวชาวจีน ที่บริเวณทางขึ้นจุดชมวิว ถนนกะตะ-ไสยวน ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต ได้ทรัพย์สินหลายรายการ เงินสดไทย จำนวน 10,000 บาท เงินหยวน จำนวน 3,500 ยวน หรือ 17,500 บาท และทรัพย์สินจำนวนหนึ่ง
หลังรับแจ้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.กะรน จึงได้ลงพื้นที่เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ ทราบชื่อผู้เสียหายคือ MR.JIN YANG อายุ 24 ปี สัญชาติจีน ให้การว่า ผู้เสียหายพร้อมพวกรวม 4 คน ได้เดินทางมุ่งหน้าไปยังจุดชมวิว ระหว่างทางได้มีชายชาวต่างชาติได้ขับขี่รถจักรยานยนต์มาจากทาง ต.ราไวย์ มุ่งหน้ามาทาง ต.กะรน เมื่อพบผู้เสียหายคนร้ายได้ชักอาวุธมีดสั้นข่มขู่ผู้เสียหาย แล้วกระชากกระเป๋า และขับรถหลบหนีไป มุ่งหน้าทางเส้นทางเดิม เข้าพื้นที่ ต.ราไวย์
ต่อมา วันเดียวกัน เวลาประมาณ 13.00 น. ชุดสืบสวนได้รับแจ้งเพิ่มเติมว่า ได้มีเหตุชายชาวต่างชาติใช้รถจักรยานยนต์ และอาวุธมีดสั้นข่มขู่นักท่องเที่ยวชาวจีน พร้อมกับกระชากเอาทรัพย์สินแล้วหลบหนีไป เหตุเกิดบริเวณวงเวียนกะรน ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต หลังรับแจ้งชุดสืบสวนจึงได้ลงพื้นที่ เมื่อไปถึงสถานที่เกิดเหตุพบผู้เสียหายชื่อ MRS.กู๋ ติง เหวิน สัญชาติจีน
สอบสวนทราบว่า ขณะที่ผู้แจ้งกับสามียืนอยู่ที่บริเวณสถานที่เกิดเหตุ ได้มีชายชาวต่างชาติขับขี่รถจักรยานยนต์สีดำมาเพียงคนเดียว สวมเสื้อสีดำ สวมหมวกกันน็อกแบบครึ่งใบ สวมกางเกงขายาว ได้กระชากกระเป๋าเอาทรัพย์สินหลบหนีไป ซึ่งภายในมีโทรศัพท์มือถือไอโฟน 6s สีดำ จำนวน 1 เครื่อง เงินสดไทย จำนวน 5,000 บาท เงินหยวน จำนวน 3,000 หยวน และทรัพย์สินอื่นๆ
หลังรับแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.กะรน ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต ลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณวงเวียนกะรน จากการตรวจสอบพบภาพผู้ต้องสงสัยเป็นชาวต่างชาติรูปร่างสูงใหญ่ ใช้รถจักรยานยนต์ยามาฮา รุ่นนูโวสีดำ ล้อแบบแม็ก โดยใช้กระดาษปิดบังอำพรางแผ่นป้ายทะเบียน เป็นยานพาหนะ การแต่งกายสวมหมวกกันน็อกแบบครึ่งใบ สีบรอนซ์ สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีดำ ด้านหลังปรากฏตัวหนังสือเป็น CALIFONIA และสวมกางเกงขายาวสีเทา
หลังจากนั้น ทางเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบเส้นทางที่คนร้ายใช้หลบหนี เชื่อว่า คนร้ายพักอาศัยอยู่ภายในซอยสามัคคี 2 ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.กะรน ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต กระจายกำลังกันตรวจสอบภายในซอยสามัคคี 2 จนพบรถจักรยานยนต์ยามาฮา นูโวสีดำ แถบส้ม ซึ่งมีลักษณะเหมือนกับยานพาหนะของคนร้ายที่ใช้ในการกระทำความผิด โดยมีแผ่นกระดาษปิดบังอำพรางแผ่นป้ายทะเบียนเอาไว้ จอดอยู่หน้าบ้านเลขที่ 74/24 ซ.คงงาม ถ.สามัคคี 2 ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต และพบหมวกกันน็อกแบบครึ่งใบ สีบรอนซ์ อยู่บริเวณหน้าบ้านหลังดังกล่าว
จึงได้เข้าไปตรวจสอบภายในบ้าน พบ MR.NAHUM PEDRE สัญชาติอาร์เจนตินา อายุ 25 ปี อยู่ภายในห้อง และได้ตรวจค้นภายในห้องพบของกลาง ประกอบด้วย หนังสือเดินทางของ MR.JIN YANG จำนวน 1 ฉบับ หนังสือเดินทางของ MISS LUO DAN จำนวน 1 ฉบับ กระเป๋าสะพายสีชมพู จำนวน 1 ใบ เสื้อยืดสีดำ ปรากฏตัวอักษร CALIFONIA จำนวน 1 ตัว กางเกงขายาวสีน้ำตาล จำนวน 1 ตัว กระเป๋าสตางค์ จำนวน 1 ใบ
รถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮา นูโว สีดำ ทะเบียน ขนธ 227 ภูเก็ต จำนวน 1 คัน หมวกกันน็อกแบบครึ่งใบ สีบรอนซ์เงิน จำนวน 1 ใบ บัตรเอทีเอ็ม ธนาคารของจีน จำนวน 3 ใบ ธนบัตรไทย รวมจำนวน 8,540 บาท ธนบัตรหยวน จำนน 6 หยวน และธนบัตรดอลลาร์ จำนวน 800 ดอลลาร์ โดยสามารถจับกุมได้ที่บริเวณบ้านเลขที่ 74/24 ซ.คงงาม ถ.สามัคคี 2 ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต
จากการสอบถาม MR.PEDRE NAHUM สัญชาติอาเจนติน่า อายุ 25 ปี ทราบว่า เข้ามาในประเทศไทยผ่านสนามบินภูเก็ต เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2561 และมีกำหนดอยู่ในประเทศไทยถึงวันที่ 10 พฤษภาคม 2561 โดยให้การยอมรับว่า ได้ก่อเหตุดังกล่าวจริง เนื่องจากต้องการหาเงินไปรักษาภรรยาที่นอนป่วยอยู่ที่ต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม หลังจากก่อเหตุผู้ต้องหาได้จองตั๋วเครื่องบินเพื่อบินกลับประเทศในวันนี้ (12 มี.ค.) แต่สุดท้ายไม่รอด ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมเสียก่อน