xs
xsm
sm
md
lg

อาลัย “พลายรำภา” ช้างแสนรู้เมืองตรัง เจออากาศร้อนล้มเฉียบพลันเชือกแรกในรอบปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


 
ตรัง - สุดอาลัย! “ช้างพลายรำภา” หรือพลายขวัญ เจอสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวของ จ.ตรัง ทำช้างแสนรู้อายุ 35 ปี ล้มเฉียบพลัน เจ้าของเศร้ารักเหมือนลูก อยู่ร่วมกันมานาน 10 ปี ไม่เคยสร้างปัญหา

วันนี้ (17 ก.พ.) นายสุชาติ บัวเกิด ประธานกลุ่มคนเลี้ยงช้าง จ.ตรัง พร้อมสมาชิกกลุ่มคนเลี้ยงช้างกว่า 20 คน นำรถแบ็กโฮเข้าไปยกศพของพลายรำภา หรือพลายขวัญ อายุ 35 ปี น้ำหนักประมาณ 4,300 กิโลกรัม และเป็นช้างที่มีน้ำหนักมากที่สุดใน จ.ตรัง ราคากว่า 2,000,000 บาท โดยเมื่อตอนสายวันนี้ เวลาประมาณ 10.00 น. ขณะที่ นายสมคิด แก้วสวัสดิ์ อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 121 หมู่ที่ 10 ต.บางดี อ.ห้วยยอด จ.ตรัง กำลังนำพลายขวัญ ออกมาชักลากไม้ยางพารา ที่บ้านท่ามะปราง หมู่ที่ 5 ต.ห้วยยอด อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ระหว่างนั้น พลายขวัญ ขาสั่น และเดินโซเซ จนกระทั่งล้มกลิ้งตกลงมาจากเนินเขา และตายลงต่อหน้าต่อตาเจ้าของ โดยใช้เวลาหายใจรวยรินอยู่ประมาณ 20 นาที
 

 
ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้น ไม่พบบาดแผลใดๆ บริเวณลำตัว คาดเกิดจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด ประกอบกับในบริเวณดังกล่าวเป็นภูเขาหัวโล้น ซึ่งเจ้าของเพิ่งโค่นต้นยางพาราเพื่อปลูกใหม่ จึงว่าจ้าง พลายขวัญ ให้มาชักลากไม้ยางออกจากพื้นที่ ซึ่ง พลายขวัญ เป็นช้างที่แข็งแรง นิสัยดี แสนรู้ และเชื่องมาก ออกรับงานแห่นาค งานบวช และการแสดงโชว์ต่างๆ ได้อย่างคล่องแคล่ว

โดยก่อนเกิดเหตุ พลายขวัญ ได้หยุดทำงานมานานนับเดือนแล้ว และเพิ่งออกมาได้เพียง 4 วัน เมื่อวานนี้ (16 ก.พ.) หยุด 1 วัน เพราะเป็นวันตรุษจีน และเพิ่งจะลงมือทำงานเมื่อช่วงสายวันนี้ ก็เกิดเป็นลมล้มลงเป็นเชือกแรกในปีนี้
 

 
ด้าน นายสมคิด แก้วสวัสดิ์ เจ้าของพลายขวัญ กล่าวว่า ยังทำใจยอมรับไม่ได้เพราะเลี้ยงมา 10 ปีแล้ว และรักเหมือนลูก ช้างเชือกนี้แสนรู้ รับงานแสดงได้ทุกอย่าง ก่อนตายไม่มีอาการใดๆ นอกจากขาสั่น เดินเซ และล้มกลิ้งลงมา จึงจะนำศพกลับไปฝังที่บ้าน และรู้สึกเสียใจมาก

ขณะที่ นายสุชาติ บัวเกิด ประธานกลุ่มคนเลี้ยงช้าง จ.ตรัง กล่าวว่า ช่วงนี้หน้าแล้งแล้ว อยากเตือนเจ้าของช้างให้นำช้างไปอยู่ใกล้แหล่งน้ำ ไม่เช่นนั้นอาจจะเป็นลมล้มตายเหมือนพลายรำภา ได้ ซึ่งช้างของตนตอนนี้หนีไปทำการท่องเที่ยวใน จ.กระบี่ และ จ.ภูเก็ต หมดแล้ว ส่วนช้างเชือกอื่นๆ เจ้าของช้างก็พากันอพยพไปอยู่ที่อื่นเพื่อหนีภัยแล้ง ซึ่งขณะนี้ที่เหลืออยู่ใน จ.ตรัง ประมาณ 20 กว่าเชือกเท่านั้น จากปกติมีมากถึง 120 เชือก
 




กำลังโหลดความคิดเห็น