กระบี่-ทหารเสี่ยงชีวิตยืนโบกรถกลางสายฝนให้เลี่ยงสายไฟแรงสูงที่พาดขวางถนนเพชรเกษม หลังหม้อแปลงไฟลัดวงจร เพื่อไม่ให้รถที่ผ่านไปมาได้รับอันตราย เจ้าตัวเผยหากไม่ทำก็จะทำให้มีรถที่วิ่งผ่านได้รับอุบัติเหตุจากสายไฟแน่นอน
วันนี้ (24 ม.ค) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ได้กลายเป็นที่ยกย่องชื่นชมของชาวโลกโซเชียลจำนวนมาก ภายหลังจากที่เฟซบุ๊กมูลนิธิกระบี่ พิทักษ์ประชา โพสต์คลิปวิดีโอความยาว ประมาณ 1 นาที 48 วินาที่ ขณะที่ชายสวมเครื่องแบบนายทหารเต็มยศ ได้จอดรถที่อยู่ฝั่งตรงข้ามแล้วมายืนโบกรถที่วิ่งผ่านไปมา ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก โดยไม่สนใจว่าชุดเครื่องแบบจะเปียกไปทั้งตัว พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ให้รถที่สัญจรไปมาชะลอตัวอย่างระมัดระวัง หลังจากที่เกิดหม้อแปลงไฟฟ้าระเบิด ทำให้สายไฟแรงสูง ห้อยลงมาขวางกลางถนน และเกิดประกายไฟ ขณะฝนก็ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง
ผ่านไป 15 นาที ก่อนที่เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิกระบี่พิทักษ์ประชา มาช่วยอำนวยความสะดวกด้านการจราจร จากนั้นรถของการไฟฟ้าก็มาจัดเก็บสายไฟ และซ่อมหม้อแปลง เหตุเกิดเมื่อช่วงเย็นวันที่ 22 ม.ค.61 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ชาวโลกโซเชียลต่างแสดงความชื่นชม และแชร์กันเป็นจำนวนมาก ยกย่องในความกล้าหาญ ยอมเสี่ยงชีวิตไปยืนกลางถนนที่มีสายไฟฟ้าแรงสูงห้อยลงมาท่ามกลางสายฝน ขณะที่มีรายงานว่า รถเก๋งที่วิ่งลอดสายไฟไปก่อนหน้านี้เกิดไฟฟ้าช็อตจนเกิดประกายไฟ สร้างความหวาดเสียวให้แก่ผู้พบเห็น เพื่อไม่ให้รถที่ผ่านไปมาได้รับอันตราย เจ้าตัวเผย หากไม่ทำก็จะทำให้มีรถที่วิ่งผ่านได้รับอุบัติเหตุจากสายไฟแน่นอน
จึงได้ติดต่อกับนายทหารคนดังกล่าว ทราบชื่อคือ ร.ท.ชยพัทธ์ ตาวัน อายุ 48 ปี ตำแหน่งหัวหน้าชุด ชรต. (ชุดตรวจสอบและรวบรวมข้อมูลข่าวสาร) กอ.รมน. จ.กระบี่ ทราบว่า ขณะเกิดเหตุ ร.ท.ชยพัทธ์ ได้ขับรถของ กอ.รมน. ออกจากศาลากลางจังหวัดกระบี่ โดยมีผู้บังคับบัญชา คือ รองผู้อำนวยการ กอ.รมน.นั่งมาด้วย มุ่งหน้าไปทางอำเภอเหนือคลอง ก่อนที่จะกลับไปบ้าน แต่เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุได้สังเกตุเห็นสายไฟฟ้าแรงสูงห้อยลงมาจากเหตุหม้อแปลงระเบิดที่เสาไฟฟ้าแรงสูงถนนฝั่งตรงข้าม และมีประกายไฟ
ในขณะรถวิ่งผ่านจึงตัดสินใจจอดรถ ซึ่งผู้บังคับบัญชาก็ลงไปด้วยแต่อยู่อีกฝั่ง แล้วตนก็รีบวิ่งข้ามถนนไปโบกรถให้ชะลอ เพราะสายไฟห้อยลงมาระดับลำคอพอดี หากรถจักรยานยนต์วิ่งผ่านจะเกี่ยวสายไฟอย่างแน่นอน อาจจะมีคนเสียชีวิตหลายราย ส่วนรถขนาดใหญ่ เช่น รถบัส หรือรถ 10 ล้อ ก็อาจจะโดนไฟฟ้าช็อต ขณะเดียวกัน ฝนก็ตกลงมาต่อเนื่องหากตนไม่อยู่ช่วยอาจจะเกิดเหตุรุนแรงกว่านี้ จากนั้นประมาณ 15 นาที เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ก็เข้ามาซ่อมแซม ตนจึงกลับขึ้นรถเดินทางกลับ
ร.ท.ชยพัทธ์ เปิดเผยอีกว่า เหตุการณ์ดังกล่าวตนยอมรับว่าเสี่ยง แต่ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรมาก ไม่ได้กลัวเปียกฝน เพราะต้องช่วยให้ประชาชนปลอดภัยก่อน และตอนนั้นไม่มีเจ้าหน้าที่อยู่ หากไม่โบกรถเชื่อว่าอาจจะเกิดอันตรายร้ายแรง และเกิดการสูญเสียมากว่านี้ ซึ่งการช่วยเหลือส่วนรวมเป็นสิ่งที่ตนทำมาตลอดอยู่แล้ว ไม่ได้คิดว่าจะมีคนชื่นชมมากมายขนาดนี้
วันนี้ (24 ม.ค) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ได้กลายเป็นที่ยกย่องชื่นชมของชาวโลกโซเชียลจำนวนมาก ภายหลังจากที่เฟซบุ๊กมูลนิธิกระบี่ พิทักษ์ประชา โพสต์คลิปวิดีโอความยาว ประมาณ 1 นาที 48 วินาที่ ขณะที่ชายสวมเครื่องแบบนายทหารเต็มยศ ได้จอดรถที่อยู่ฝั่งตรงข้ามแล้วมายืนโบกรถที่วิ่งผ่านไปมา ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก โดยไม่สนใจว่าชุดเครื่องแบบจะเปียกไปทั้งตัว พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ให้รถที่สัญจรไปมาชะลอตัวอย่างระมัดระวัง หลังจากที่เกิดหม้อแปลงไฟฟ้าระเบิด ทำให้สายไฟแรงสูง ห้อยลงมาขวางกลางถนน และเกิดประกายไฟ ขณะฝนก็ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง
ผ่านไป 15 นาที ก่อนที่เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิกระบี่พิทักษ์ประชา มาช่วยอำนวยความสะดวกด้านการจราจร จากนั้นรถของการไฟฟ้าก็มาจัดเก็บสายไฟ และซ่อมหม้อแปลง เหตุเกิดเมื่อช่วงเย็นวันที่ 22 ม.ค.61 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ชาวโลกโซเชียลต่างแสดงความชื่นชม และแชร์กันเป็นจำนวนมาก ยกย่องในความกล้าหาญ ยอมเสี่ยงชีวิตไปยืนกลางถนนที่มีสายไฟฟ้าแรงสูงห้อยลงมาท่ามกลางสายฝน ขณะที่มีรายงานว่า รถเก๋งที่วิ่งลอดสายไฟไปก่อนหน้านี้เกิดไฟฟ้าช็อตจนเกิดประกายไฟ สร้างความหวาดเสียวให้แก่ผู้พบเห็น เพื่อไม่ให้รถที่ผ่านไปมาได้รับอันตราย เจ้าตัวเผย หากไม่ทำก็จะทำให้มีรถที่วิ่งผ่านได้รับอุบัติเหตุจากสายไฟแน่นอน
จึงได้ติดต่อกับนายทหารคนดังกล่าว ทราบชื่อคือ ร.ท.ชยพัทธ์ ตาวัน อายุ 48 ปี ตำแหน่งหัวหน้าชุด ชรต. (ชุดตรวจสอบและรวบรวมข้อมูลข่าวสาร) กอ.รมน. จ.กระบี่ ทราบว่า ขณะเกิดเหตุ ร.ท.ชยพัทธ์ ได้ขับรถของ กอ.รมน. ออกจากศาลากลางจังหวัดกระบี่ โดยมีผู้บังคับบัญชา คือ รองผู้อำนวยการ กอ.รมน.นั่งมาด้วย มุ่งหน้าไปทางอำเภอเหนือคลอง ก่อนที่จะกลับไปบ้าน แต่เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุได้สังเกตุเห็นสายไฟฟ้าแรงสูงห้อยลงมาจากเหตุหม้อแปลงระเบิดที่เสาไฟฟ้าแรงสูงถนนฝั่งตรงข้าม และมีประกายไฟ
ในขณะรถวิ่งผ่านจึงตัดสินใจจอดรถ ซึ่งผู้บังคับบัญชาก็ลงไปด้วยแต่อยู่อีกฝั่ง แล้วตนก็รีบวิ่งข้ามถนนไปโบกรถให้ชะลอ เพราะสายไฟห้อยลงมาระดับลำคอพอดี หากรถจักรยานยนต์วิ่งผ่านจะเกี่ยวสายไฟอย่างแน่นอน อาจจะมีคนเสียชีวิตหลายราย ส่วนรถขนาดใหญ่ เช่น รถบัส หรือรถ 10 ล้อ ก็อาจจะโดนไฟฟ้าช็อต ขณะเดียวกัน ฝนก็ตกลงมาต่อเนื่องหากตนไม่อยู่ช่วยอาจจะเกิดเหตุรุนแรงกว่านี้ จากนั้นประมาณ 15 นาที เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ก็เข้ามาซ่อมแซม ตนจึงกลับขึ้นรถเดินทางกลับ
ร.ท.ชยพัทธ์ เปิดเผยอีกว่า เหตุการณ์ดังกล่าวตนยอมรับว่าเสี่ยง แต่ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรมาก ไม่ได้กลัวเปียกฝน เพราะต้องช่วยให้ประชาชนปลอดภัยก่อน และตอนนั้นไม่มีเจ้าหน้าที่อยู่ หากไม่โบกรถเชื่อว่าอาจจะเกิดอันตรายร้ายแรง และเกิดการสูญเสียมากว่านี้ ซึ่งการช่วยเหลือส่วนรวมเป็นสิ่งที่ตนทำมาตลอดอยู่แล้ว ไม่ได้คิดว่าจะมีคนชื่นชมมากมายขนาดนี้