พิษณุโลก - “ปวีณา” รุดช่วยเหลือ เด็กชายวัย 13 ปีรับจ้างทำงานก่อสร้างกับป้า ถูกไฟฟ้าช็อตระหว่างรับเหล็กขึ้นโครงหลังคาบ้านป้าแท้ๆ ตนเองจนต้องตัดแขนสองข้างทิ้ง นอนรักษาตัวในโรงพยาบาลพุทธชินราช
บ่ายวันนี้ (1 ธ.ค.) นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้เดินทางไปเยี่ยมอาการของ ด.ช.เอ (นามสมมติ) อายุ 13 ปี ที่ถูกตัดแขนทั้งสองข้างนอนพักรักษาตัวที่ตึกศัลยกรรมชายชั้น 5 ห้องผู้ป่วยแผลไหม้ โรงพยาบาลพุทธชินราช อ.เมืองพิษณุโลก พร้อมได้มอบเงินช่วยเหลือ จำนวน 5,000 บาท ให้แก่ น.ส.วาด (นามสมมติ) อายุ 30 ปี แม่ของ ด.ช.เอ ซึ่งเฝ้าไข้ลูกอยู่
หลังจาก น.ส.วาด ชาว จ.อุทัยธานี อาชีพก่อสร้าง ร้องทุกข์ผ่านทางสายด่วน 1134 มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี แจ้งว่า ด.ช.เอ (นามสมมติ) อายุ 13 ปี ลูกชาย ไปทำงานก่อสร้างบ้านให้ น.ส.กรองแก้ว น้อยทัด อายุ 30 ปี ลูกพี่ลูกน้องตนที่มีศักดิ์เป็นป้าแท้ๆ ของ ด.ช.เอ แล้วเกิดถูกไฟฟ้าช็อตจนแขนทั้งสองข้างไหม้ขณะช่วยเหลืองานก่อสร้าง แพทย์ต้องตัดแขนทิ้งทั้งสองข้างเพื่อป้องกันการติดเชื้อและรักษาชีวิตเอาไว้ หลังเกิดเหตุนายจ้างยังไม่ได้แสดงความรับผิดชอบช่วยเหลือแต่อย่างใด
น.ส.วาดกล่าวว่า ตนมีฐานะยากจน ไปทำงานก่อสร้างอยู่ที่กรุงเทพฯ เพื่อหาเลี้ยงปากท้อง ส่วน ด.ช.เอ ลูกชายเรียนหนังสือถึงชั้น ป.6 จึงไปทำงานก่อสร้างอยู่กับป้า ซึ่งเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างทั่วไป ตั้งแต่อายุ 11 ขวบ โดยได้ทำงานก่อสร้างบ้านจัดสรรอยู่ในกรุงเทพฯ เป็นเวลา 2 ปี และช่วงเดือน ก.ย. 60 น.ส.กรองแก้วปลูกบ้านของตัวเองที่ อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ ก็พาคนงานทั้งหมดไปทำบ้านรวมทั้งลูกชายของตนด้วย
น.ส.วาดบอกอีกว่า ลูกเล่าให้ฟังว่า วันเกิดเหตุ (23 ก.ย. 60) ป้าออกไปซื้อของ คนงานที่มีหน้าที่ปีนที่สูงขึ้นไปทำหลังคาเกิดทำงานไม่ไหว เลยให้ ด.ช.เอปีนขึ้นไปแทน และคอยรับโครงหลังคาเหล็กที่ส่งจากด้านล่างขึ้นไป แต่ด้วยเหล็กมีความยาวจึงทำให้ไปพาดกับสายไฟฟ้าแรงสูงที่ต่อเข้าตัวบ้าน และมีกระแสไฟฟ้ารั่วจนเกิดช็อต ทำให้ ด.ช.เอ ที่จับโครงเหล็กอยู่ถูกกระแสไฟฟ้าช็อตที่แขนทั้งสองข้างหมดสติไป
ต่อมาคนงานได้ตามตัว น.ส.กรองแก้ว ให้รีบมานำตัว ด.ช.เอ ส่งโรงพยาบาลวิเชียรบุรี แพทย์ได้ให้การช่วยเหลือเบื้องต้นก่อนนำตัวส่งรักษาต่อที่โรงพยาบาลพุทธชินราช จ.พิษณุโลก เนื่องจากแขนทั้งสองข้างไหม้เกรียมจนเกือบถึงหัวไหล่
หลังจากนั้นทางโรงพยาบาลพุทธชินราชได้โทรศัพท์แจ้งกับตนว่า ลูกชายนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเนื่องจากถูกไฟฟ้าช็อตให้รีบเดินทางไปดูอาการเพราะจะต้องเซ็นเอกสาร เมื่อไปถึงแพทย์แจ้งว่าจำเป็นต้องตัดแขนทั้งสองข้างของลูกชาย ตนก็จำใจต้องเซ็นเอกสารเพื่อรักษาชีวิตลูกเอาไว้
น.ส.วาดบอกว่า ตั้งแต่เกิดเหตุ น.ส.กรองแก้วได้ช่วยเหลือเงินมาจำนวน 10,000 บาท และจนถึงตอนนี้ยังไม่ได้แสดงความรับผิดชอบอีกเลย ทุกวันนี้ลูกชายตนก็ยังทำใจไม่ได้ที่จะต้องเป็นคนพิการ ไม่มีแขนสองข้างไปตลอดชีวิต
“กว่า 2 เดือนแล้วที่ฉันไม่ได้ทำงานต้องคอยดูแลลูกชายที่ยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ จึงตัดสินใจขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ”
ขณะที่ น.ส.กรองแก้ว น้อยทัด อายุ 30 ปี ซึ่งมีศักดิ์เป็นป้า และนายจ้างของ ด.ช.เอ ก็ได้เดินทางมาที่โรงพยาบาลพุทธชินราชเพื่อพูดคุยกับแม่ของ ด.ช.เอ เมื่อสอบถามเรื่องราวข้อเท็จจริงถึงกับร่ำไห้เสียใจที่เรื่องเป็นแบบนี้
น.ส.กรองแก้วบอกว่า ตั้งแต่เกิดเหตุตนและสามีได้ดูแลให้ความช่วยเหลือมาตลอด พร้อมมอบเงินเบื้องต้นแล้วจำนวน 10,000 บาทเป็นค่ารักษาพยาบาล แต่ทางแม่ของเด็กต้องการให้จ่ายค่าเสียหายรวมทั้งสิ้นจำนวน 300,000 บาท ซึ่งตนก็ไม่ได้ขัดข้อง แต่ขอผ่อนจ่ายเป็นงวดๆ งวดละ 50,000 บาท เพราะทำงานอาชีพรับเหมาก่อสร้าง หาเช้ากินค่ำ ไม่ได้มีเงินทองมากมายเหมือนกัน และ ด.ช.เอตนก็รักเหมือนลูกเหมือนหลานอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่อายุ 11 ขวบ ที่ผ่านมาเด็กก็ไม่ได้อยู่กับแม่ ถึงแม้ตนจะโทร.ติดต่อให้มารับลูกไปอยู่ด้วยตั้งแต่ยังไม่เกิดเหตุการณ์ครั้งนี้
ส่วนเรื่องของคดีความเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้สอบปากคำเพิ่มเติมว่ามีการใช้แรงงานเด็กถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ เพราะเด็กยังอายุไม่พ้นนิติภาวะจำเป็นต้องให้ร่ำเรียนหนังสือแต่กลับมาทำงานรับจ้างอยู่กับญาติ แต่ก็พร้อมจะให้ความเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่าย
นพ.พงษ์สิทธิ์ ชุนพงษ์ทอง แพทย์ประจำแผนกศัลยกรรมตกแต่งที่ให้การรักษา กล่าวว่า อาการบาดเจ็บของ ด.ช.เอ ที่ถูกกระแสไฟฟ้าช็อตไหม้ที่แขนทั้งสองข้าง ความลึกของบาดแผลระดับรุนแรงมาก ที่ผ่านมาได้รับการรักษาแผลไหม้ และตัดแขนด้านซ้ายถึงระดับไหล่ แขนขวาถึงระดับข้อศอก บาดแผลหายตามระยะเวลาปกติ
ส่วนแผนการรักษาต่อไป คือ การเตรียมการใส่แขนเทียม โดยโรงพยาบาลพุทธชินราชมีโรงงานผลิตกายอุปกรณ์ที่สามารถผลิตแขนเทียมเพื่อทดแทนแขนที่สูญเสียไปให้ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ใกล้เคียงปกติมากที่สุด ระหว่างนี้ทำการฟื้นฟูร่างกายด้วยการทำกายภาพบำบัด และการบริหารไหล่ เพื่อให้ร่างกายพร้อมต่อการใส่แขนเทียมต่อไป
นอกจากนี้ ยังมีทีมจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นช่วยดูแลด้านสภาพจิตใจด้วย ส่วนในเรื่องค่าใช้จ่ายของผู้ป่วยนั้นมีสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ซึ่งไม่ต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาล กรณีมีค่าใช้จ่ายส่วนเกินทางโรงพยาบาลพุทธชินราชยินดีให้การสนับสนุน เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลของผู้ป่วยและครอบครัวอีกด้วย