ศูนย์ข่าวศรีราชา - ผจก.ไฟฟ้าฯพัทยา เผยกรณีเพจนดัง “แหม่มโพธิ์ดำ” แพร่ภาพลงโซเชียลปัญหาความไร้ระเบียบสายไฟ สายสื่อสารปากซอยเนินพลับหวาน พัทยากลาง ระบุเป็นปัญหาเรื้อรังมานาน แต่ไม่เคยนิ่งดูดายจัดประชุมร่วมผู้ประกอบการ และ กสทช.หารือร่วมลงขันจัดระเบียบสายใหม่ในระยะ 10 กิโลเมตรแรก ริมถนนสุขุมวิท เสร็จสิ้นธันวาคมแน่นอน ขณะที่งบ 2,500 ล้าน โครงการสายไฟฟ้าในเมืองใหญ่ในแผน 5 ปี เริ่มนำร่องถนนพัทยาเหนือ ทำถนนตัวอย่างปลายปี 60 นี้
จากกรณีที่เพจ “แหม่มโพธิ์ดัง” เผยแพร่ภาพปัญหาความไร้ระเบียบของสายสื่อสารบนเสาไฟฟ้าสาธารณะ บริเวณปากซอยเนินพลับหวาน พัทยากลาง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โดยระบุว่า “เป็นพื้นที่น่ากลัว แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่มาเก็บงานให้เรียบร้อย จนเกิดอุบัติเหตุต่อเนื่อง พร้อมกล่าวย้ำว่าต้องมีการสูญเสียหนักๆ ถึงจะลงมือแก้ไข” ซึ่งพบว่ามีการแชร์ภาพดังกล่าว และมีการวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นจำนวนมากนั้น
กรณีดังกล่าว ผู้สื่อข่าวได้เดินทางเข้าพบ นายนิรุติ เจริญชอบ ผู้จัดการสำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สาขาเมืองพัทยา ก่อนได้รับการเปิดเผยว่า สำหรับปัญหาระเบียบสายสื่อสารบนเสาไฟฟ้าสาธารณะนั้นเป็นปัญหาเรื้อรังมานานแล้ว เนื่องจากสมัยก่อนตาม พ.ร.บ.ไฟฟ้าในปี 2503 รัฐเล็งเห็นความสำคัญของการจ่ายกระแสไฟฟ้าให้แก่ประชาชน จึงได้มีการจัดตั้งเสาขยายเขตไปอย่างทั่วถึง ก่อนที่จะมีองค์กรสื่อสารต่างๆ ทั้งโทรศัพท์ ระบบการสื่อสาร อินเทอร์เน็ต เคเบิลทีวีและอื่นๆ มาพาดสายบนเสาเดียวกัน เนื่องจากขณะนั้นอยู่ในความดูแลของกรมโยธาธิการ ที่ให้ทุกองค์กรมาใช้เสาร่วมกันเพื่อใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า
อย่างไรก็ตาม การพาดสายบนเสาไฟฟ้านั้นก็มีมาตรฐาน และข้อกำหนดหลายประการ ได้แก่ เสาไฟฟ้าต้องมีความยาว 12 เมตร ขณะที่สายไฟฟ้าแรงสูงซึ่งจะอยู่ด้านบนสุด สายแรงต่ำจะอยู่ห่างจากระดับพื้นดิน 6.5 เมตร และสายสื่อสารอื่นจะอยู่ต่ำลงมาจากสายไฟแรงต่ำในระยะ 1 เมตรหรือสูงจากพื้นดิน 5.5 เมตร ตามมาตรฐานที่กรมทางหลวงกำหนด
แต่ปรากฏว่า จากการเจริญเติบโตของสังคมเมือง ก็มีการพัฒนาถนนสายต่างๆ โดยมีการถมให้สูงขึ้น ทำให้ระยะของสายสื่อสารบนเสากับพื้นด้านล่างมีระยะที่ต่ำลง ดังนั้น เมื่อมีรถบรรทุก หรือรถโดยสารขนาดใหญ่สัญจรผ่าน และไปเกี่ยวทำให้สายเหล่านี้ชำรุดหรือขาดออก โดยเฉพาะสายสื่อสารค้างเก่าที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว แต่ไม่มีการรื้อออกจากแนวสายจนทำให้เกิดปัญหาขึ้น
นายนิรุติ กล่าวต่อไปว่า จากมาตรฐานสายสื่อสารเหล่านี้หากนำมารวมกันต้องมีขนาดเส้นผ่าศูนย์ กลางไม่เกิน 300 มม. แต่ในพื้นที่เมืองพัทยาซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวหลัก ปัจจุบันมีผู้ประกอบการสื่อสารถึง 31 ราย ทำให้ปริมาณสายเกินขอบเขตมาตรฐานจนเข้าขั้นวิกฤต
ที่ผ่านมา กฟภ.จึงร่วมกับ กสทช.ในการกำ หนดการจัดระเบียบสายสื่อสารใหม่เพื่อลดปัญหา โดยกำหนดให้มีการลดขนาดสายสื่อสารทุกประเภทลงเหลือรายละ 21 มม. พร้อมให้ดำเนินการพาดสายไปบนแนวคานเหล็ก หรือคอนที่ขนาดความยาว 1.5 เมตร ที่จะติดตั้งไว้บนเสาเพื่อป้องกันปัญหาความไร้ระเบียบ ปัญหาการลัดวงจร และอื่นๆ
แผนงานนี้ได้เริ่มประชุมหารือ และกำหนดมาตรการ พร้อมวางแผนไปแล้วตั้งแต่ปี 2558-2559 โดยจะมีการเริ่มดำเนินการในระยะแรกที่ถนนสุขุมวิท ในระยะทาง 10 กม.จากแยกกระทิงราย-ถนนเทพประสิทธิ์ ตลอดแนวในฝั่งทิศตะวันออก และจะดำเนินการจนแล้วเสร็จทั้งหมดภายในวันที่ 20 ธันวาคม 2560 นี้ โดยแผนงานทั้งหมดเป็นการระดมทุน และออกค่าใช้จ่ายกันเองระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยไม่ได้ใช้เงินอุดหนุนจากรัฐบาลแต่อย่างใด เพียงแต่ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนของการดำเนินการเท่านั้น แต่ก็เป็นกระแสข่าวเกิดขึ้น
ขณะที่โครงการพัฒนาระบบไฟฟ้าในเมืองใหญ่นั้น ปัจจุบันรัฐบาลได้อุดหนุนงบประมาณแล้วกว่า 11,668 ล้านบาท เพื่อดำเนินการใน 4 พื้นที่หลักของประเทศ ได้แก่ เชียงใหม่ นครราชสีมา หาดใหญ่ และพัทยา ในระยะเวลา 5 ปี ระหว่างปี 2560-2564
ในส่วนของเมืองพัทยานั้นจะได้รับงบประมาณ จำนวน 2,500 ล้านบาท เพื่อนำสายไฟฟ้าลงดินในพื้นที่ของถนนพัทยาเหนือ กลาง ใต้ สาย 2 สาย 3 บาลีฮาย ถนนวอล์กกิ้งสตรีท และซอยบัวขาว ซึ่งปัจจุบันได้มีการสำรวจและวางแผนการดำเนินการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก่อนส่งเรื่องไปขอรับความเห็นชอบจากสภาพัฒน์ และ ครม.มีมติอนุมัติเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
โดยในช่วงเดือนธันวาคมปีนี้ จะมีการจัดจ้างผู้รับเหมาเข้ามาดำเนินการบนถนนพัทยาเหนือเป็นถนนนำร่องก่อน ซึ่งเป็นไปตามการร้องขอขอเมืองพัทยาเพื่อจัดทำถนนตัวอย่าง ที่จะมีการวางสายไฟฟ้าลงดินขนาด 115 KV สำหรับห้างสรรพสินค้าแห่งใหม่ และสายขนาด 22 KV เพื่อจ่ายระบบไฟฟ้าเพิ่มเติมรองรับการอุปโภคบริโภคในอนาคต โดยจะใช้ระยะเวลาดำเนินการทั้งสิ้น 490 วัน เนื่องจากปริมาณผู้ใช้ไฟเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันในพื้นที่เมืองพัทยาจะมีผู้บริโภคกว่า 1.5 แสนราย
นายนิรุติ กล่าวต่อไปว่า สภาพปัญหาที่เกิดขึ้นทางการไฟฟ้าก็ต้องขออภัยมายังประชาชนต่อปัญหาของระเบียบสายไฟฟ้าเหล่านี้ แต่ทาง กฟภ.ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ และพยายามร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไข และทำการปรับปรุงอย่างสุดกำลัง ซึ่งอาจต้องใช้ระยะเวลาบ้างเท่านั้น