ชุมพร - หนุ่มเจ้าของฟาร์มเพาะพันธุ์สุนัขชื่อดังโวยลั่น เมื่อนายแพทย์ท่านหนึ่งซื้อสุนัขพันธุ์ “ปอมเมอเรเนียน” นาน 4 เดือน นำไปผสมพันธุ์ แล้วใช้สารเคมีฉีดใบหน้า ลำตัวจนผิดรูป ผิดสี เพื่ออ้างเหตุขอคืนเปลี่ยนตัวใหม่
นายอุดมศักดิ์ สกุลประดิษฐ์ อายุ 31 ปี เจ้าของฟาร์มเพาะพันธุ์สุนัข ชื่อ “DOG LAND MARK” ซึ่งตั้งอยู่บ้านเลขที่ 228 หมู่ที่ 10 ต.นาขา อ.หลังสวน จ.ชุมพร เปิดเป็นแหล่งเพาะสุนัขพันธ์ปอมเมอเรเนียน ชื่อดังของภาคใต้ มีสุนัขพันธุ์ดังกล่าวร่วม 100 ตัว เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า เมื่อ 6 เดือนที่แล้ว ได้รับการติดต่อทางเฟซบุ๊กขอซื้อสุนัขพันธ์ปอมเมอเรเนียน เพศผู้ อายุ 2 ปี 1 ตัว จากนายแพทย์ท่านหนึ่งอยู่ที่กรุงเทพมหานคร จึงได้ทำการถ่ายวิดีโอสุนัขตัวที่จะส่งไปขายส่งให้ลูกค้าดูจนเป็นที่พอใจ ตกลงซื้อขายกันในราคา 1 แสนบาท
หลังจากซื้อขายกันเสร็จผ่านไปร่วม 4 เดือน นายแพทย์คนดังกล่าวโทร.มาต่อว่าตนส่งสุนัขผิดสีไปสั่งซื้อสุนัขสีช็อกโกแลต แต่ส่งสุนัขสีชมพูให้ไป ไม่เหมือนกับที่ตกลงกัน จึงขอเปลี่ยนตัวใหม่ ตนก็พยายามอธิบายว่า ซื้อไปนานแล้วทำไมเพิ่งจะมาส่งคืน แต่ฝ่ายผู้ซื้อก็พยายามนำสุนัขตัวดังกล่าวไปโพสต์ลงเฟซบุ๊กเหมือนจะดิสเครดิตฟาร์มตน จึงยอมเปลี่ยนสุนัขตัวใหม่ไปให้ โดยส่งสุนัขตัวใหม่ไปให้ผู้ซื้อรายดังกล่าว และผู้ซื้อก็ได้ส่งสุนัขกลับคืนมาในวันเดียวกัน
นายอุดมศักดิ์ กล่าวต่อว่า เมื่อสุนัขมาถึงฟาร์มตนได้ตรวจสอบดู ปรากฏว่า สุนัขตัวดังกล่าว สภาพร่างกายตามตัว ใบหน้า ดวงตามีความผิดปกติอย่างมาก มีอาการผวาหวาดกลัวเหมือนถูกทารุณกรรมอย่างหนัก ใบหน้ามีการฉีดสารเคมีจนบวม ทำให้เนื้อบริเวณปากทั้ง 2 ข้างไม่เท่ากัน ใบหน้าบิดเบี้ยวผิดรูป ตาเป็นฝ้าจนมองแทบไม่เห็น เกิดสารตกค้างใต้ผิวหนังบริเวณใต้ตา บริเวณลำตัวมีการใช้สารเคมีกัดสีขนจนขนเปลี่ยนสภาพเสียหายอย่างหนัก ทำให้สุนัขไม่สามารถวิ่ง หรือเดินได้ตามปกติเพาะตาฝ้าฟาง และตาไม่สามารถรับแสงสว่างได้ จึงได้พยายามรักษาจนดีขึ้น หลังจากนั้น ตนได้ข้อมูลจากเพื่อนๆ ในเฟซบุ๊ก บอกว่า นายแพทย์คนดังกล่าวมีพฤติกรรม ทรมานสุนัขในลักษณะดังกล่าวมาหลายตัว บางตัวถึงตายก็มี
นายอุดมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ตนทราบข้อมูลมาว่า นายแพทย์คนดังกล่าวจะซื้อสุนัขไปเพื่อผสมขาย เมื่อผสมพันธุ์เสร็จแล้ว จากนั้นใช้สารเคมีฉีดใบหน้า กล้ามเนื้อ ลำตัว ใช้สีกัดสีขนเพื่อให้สุนัขผิดรูป ผิดสี เพื่อเป็นข้ออ้างขอเปลี่ยนสุนัขคืน หรือเปลี่ยนเอาตัวใหม่ หากเราไม่ยอมก็จะใช้วิธีโพสต์ลงเฟซบุ๊กประจานให้เสียชื่อเสียง ตนจึงได้นำเรื่องไปโพสต์ลงในเฟซบุ๊ก และได้ติดต่อกับมูลนิธิวอทซ์ด็อก เพื่อหาวิธีการเอาผิดต่อนายแพทย์คนดังกล่าวต่อไป