ศูนย์ข่าวภูเก็ต - สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ ช่วยเด็กหญิงชาวพม่าวัย 7 ขวบ ถูกแม่ล่ามโซ่ หลังโลกโซเชียลแพร่ภาพ แม่อ้างเด็กซนไม่สามารถดูแลได้ทั่วถึง ต้องเลี้ยงลูกที่เกิดกับสามีใหม่วัยแค่ 1 เดือน ทำให้เครียด ต้องล่ามเด็กไว้กลัวซุกซนจนเกิดอันตราย
จากกรณีโลกโซเซียลแพร่ภาพเด็กผู้หญิงชาวต่างชาติ ถูกล่ามด้วยโซ่ที่ข้อเท้าเดินไปเดินมาที่หน้าห้องพักแห่งหนึ่ง ในอาคารพูนผลไนท์พล่าซ่า อ.เมือง จ.ภูเก็ต จนมีการแชร์ข้อความไปกันเป็นจำนวนมาก ล่าสุด เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (5 ธ.ค.) เจ้าหน้าที่จากบ้านพักเด็กและครอบครัว เจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ One Home ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดภูเก็ต นำโดย น.ส.อัจฉรา สุระกุล หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัว ลงพื้นที่ตรวจข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว และให้ความช่วยเหลือเด็กหญิงที่ถูกแม่ล่ามโซ่ พร้อมนำตัวเด็ก แม่ และพ่อเลี้ยงมาลงบันทึกประจำวัน ก่อนที่จะนำเด็กหญิงวัย 7 ขวบ พร้อมด้วยพี่ชายวัย 9 ขวบ ไปดูแลที่บ้านพักเด็กและครอบครัว ซึ่งเป็นการช่วยเหลือในเบื้องต้น
อย่างไรก็ตาม น.ส.อัจฉรา กล่าวว่า กรณีดังกล่าวทางบ้านพักเด็กและครอบครัว ได้รับแจ้งเมื่อคืนที่ผ่านมา เช้าวันนี้จึงลงพื้นที่ตรวจสอบ ซึ่งการเข้าตรวจสอบก็ได้รับความร่วมมือจากชาวบ้านใกล้เคียงพาไปพบเด็กและครอบครัว จากการสอบถามพบว่า มีเหตุการณ์ล่ามโซ่เด็กจริงโดยแม่ของเด็ก ชาวพม่า วัย 33 ปี เป็นคนทำ อ้างว่าทำไปเพราะรักลูก ไม่อยากให้เกิดอันตรายต่อเด็ก เนื่องจากเด็กหญิงวัย 7 ขวบ เป็นเด็กซุกซนมาก ชอบออกไปเดินเล่นบนถนน
ประกอบกับตัวเองมีลูกเล็กวัย 1 เดือน ซึ่งเป็นลูกที่เกิดกับสามีคนปัจจุบันที่มีอาชีพรับเหมาก่อสร้าง ทำให้ไม่มีเวลาดูแลลูกสาววัย 7 ขวบ จึงต้องนำโซ่มาล่ามไว้เพื่อไม่ให้เด็กออกไปเดินเล่นไกลๆ ไม่ได้คิดจะทำร้ายลูก ส่วนร่องรอยที่ถูกตีนั้นยอมรับว่ามีการตีจริง เนื่องจากเด็กดื้อ และไม่เชื่อฟังจึงเกิดความเครียด และตีเด็กเพื่อตักเตือน
“จริงๆ แล้วแม่เด็กไม่ต้องการที่จะให้ลูกไปอยู่ที่อื่น อยากที่จะเลี้ยงดูเอง โดยแม่เด็กรายนี้มีลูกทั้งหมด 5 คน มีจำนวน 4 คน ที่เกิดจากสามีเก่า ก่อนหน้านี้ เด็กๆ อยู่ที่พม่า แต่เมื่อ 5 เดือนที่แล้วเพิ่มรับลูก จำนวน 3 คน กลับมาดูแล ประกอบด้วยลูกชายคนโต อายุ 17 ปี ลูกชายคนรอง อายุ 9 ขวบ และเด็กหญิงวัย 7 ขวบ ที่เป็นข่าวในสื่อโซเชียล”
น.ส.อัจฉรา กล่าวต่อว่า สำหรับการช่วยเหลือเด็กในเบื้องต้น ทางบ้านพักเด็กและครอบครัว จะนำเด็ก 2 คน คือ เด็กหญิง 7 ขวบ และพี่ชาย 9 ขวบ ไปดูแลก่อน พร้อมทำความเข้าใจต่อแม่เด็ก และพ่อเลี้ยง เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการเลี้ยงลูก ร่วมทั้งประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาทางในการช่วยเหลืออย่างเป็นรูปธรรมต่อไป ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถพูดคุยกับเด็กได้ เนื่องจากเด็กยังอยู่ในอาการหวาดกลัว และไม่สามารถสื่อสารภาษาไทยได้ ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลาในการทำความเข้าใจ ในระหว่างนี้จึงต้องนำเด็กมาดูแลที่บ้านพักเด็กและครอบครัวก่อน
จากกรณีโลกโซเซียลแพร่ภาพเด็กผู้หญิงชาวต่างชาติ ถูกล่ามด้วยโซ่ที่ข้อเท้าเดินไปเดินมาที่หน้าห้องพักแห่งหนึ่ง ในอาคารพูนผลไนท์พล่าซ่า อ.เมือง จ.ภูเก็ต จนมีการแชร์ข้อความไปกันเป็นจำนวนมาก ล่าสุด เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (5 ธ.ค.) เจ้าหน้าที่จากบ้านพักเด็กและครอบครัว เจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ One Home ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดภูเก็ต นำโดย น.ส.อัจฉรา สุระกุล หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัว ลงพื้นที่ตรวจข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว และให้ความช่วยเหลือเด็กหญิงที่ถูกแม่ล่ามโซ่ พร้อมนำตัวเด็ก แม่ และพ่อเลี้ยงมาลงบันทึกประจำวัน ก่อนที่จะนำเด็กหญิงวัย 7 ขวบ พร้อมด้วยพี่ชายวัย 9 ขวบ ไปดูแลที่บ้านพักเด็กและครอบครัว ซึ่งเป็นการช่วยเหลือในเบื้องต้น
อย่างไรก็ตาม น.ส.อัจฉรา กล่าวว่า กรณีดังกล่าวทางบ้านพักเด็กและครอบครัว ได้รับแจ้งเมื่อคืนที่ผ่านมา เช้าวันนี้จึงลงพื้นที่ตรวจสอบ ซึ่งการเข้าตรวจสอบก็ได้รับความร่วมมือจากชาวบ้านใกล้เคียงพาไปพบเด็กและครอบครัว จากการสอบถามพบว่า มีเหตุการณ์ล่ามโซ่เด็กจริงโดยแม่ของเด็ก ชาวพม่า วัย 33 ปี เป็นคนทำ อ้างว่าทำไปเพราะรักลูก ไม่อยากให้เกิดอันตรายต่อเด็ก เนื่องจากเด็กหญิงวัย 7 ขวบ เป็นเด็กซุกซนมาก ชอบออกไปเดินเล่นบนถนน
ประกอบกับตัวเองมีลูกเล็กวัย 1 เดือน ซึ่งเป็นลูกที่เกิดกับสามีคนปัจจุบันที่มีอาชีพรับเหมาก่อสร้าง ทำให้ไม่มีเวลาดูแลลูกสาววัย 7 ขวบ จึงต้องนำโซ่มาล่ามไว้เพื่อไม่ให้เด็กออกไปเดินเล่นไกลๆ ไม่ได้คิดจะทำร้ายลูก ส่วนร่องรอยที่ถูกตีนั้นยอมรับว่ามีการตีจริง เนื่องจากเด็กดื้อ และไม่เชื่อฟังจึงเกิดความเครียด และตีเด็กเพื่อตักเตือน
“จริงๆ แล้วแม่เด็กไม่ต้องการที่จะให้ลูกไปอยู่ที่อื่น อยากที่จะเลี้ยงดูเอง โดยแม่เด็กรายนี้มีลูกทั้งหมด 5 คน มีจำนวน 4 คน ที่เกิดจากสามีเก่า ก่อนหน้านี้ เด็กๆ อยู่ที่พม่า แต่เมื่อ 5 เดือนที่แล้วเพิ่มรับลูก จำนวน 3 คน กลับมาดูแล ประกอบด้วยลูกชายคนโต อายุ 17 ปี ลูกชายคนรอง อายุ 9 ขวบ และเด็กหญิงวัย 7 ขวบ ที่เป็นข่าวในสื่อโซเชียล”
น.ส.อัจฉรา กล่าวต่อว่า สำหรับการช่วยเหลือเด็กในเบื้องต้น ทางบ้านพักเด็กและครอบครัว จะนำเด็ก 2 คน คือ เด็กหญิง 7 ขวบ และพี่ชาย 9 ขวบ ไปดูแลก่อน พร้อมทำความเข้าใจต่อแม่เด็ก และพ่อเลี้ยง เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการเลี้ยงลูก ร่วมทั้งประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาทางในการช่วยเหลืออย่างเป็นรูปธรรมต่อไป ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถพูดคุยกับเด็กได้ เนื่องจากเด็กยังอยู่ในอาการหวาดกลัว และไม่สามารถสื่อสารภาษาไทยได้ ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลาในการทำความเข้าใจ ในระหว่างนี้จึงต้องนำเด็กมาดูแลที่บ้านพักเด็กและครอบครัวก่อน