ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ประณามคนไร้จิตสำนึก ยึดจักรยาน BIKE SHARING โครงการปั่น เปลี่ยน เมืองฯ ที่ภูเก็ต เป็นของส่วนตัว ตรวจพบมีเป็นร้อยนำไปไว้ในบ้าน ขณะที่คนเอารถไปทิ้งคลองอย่าคิดว่าจะรอด มีหลักฐานมัดตัวแน่นอน ทั้งกล้องวงจรปิด ข้อมูลเปิดใช้รถ เจ้าของเตรียมแจ้งความดำเนินคดีเอาผิดถึงที่สุด วอนคนใช้ช่วยดูแลเพราะเป็นของที่ทุกคนใช้ร่วมกัน ยันไม่ใช่รถแจกฟรี หลังพบนำรถกระบะ สามล่อพ่วงมาขนกลับบ้านอ้างรัฐแจก
หลังจากบริษัท ภูเก็ตพัฒนาเมือง จำกัด หรือ PKCD ผลักดันโครงการ “ปั่น เปลี่ยน เมือง BIKE SHARING IN PHUKET” โครงการดีๆ ให้บริการรถจักรยานสาธารณะไร้สถานีนำร่องทดลองใช้ฟรีเป็นเวลา 1 เดือน ซึ่งจังหวัดภูเก็ต ถือเป็นจังหวัดนำร่องที่มีการนำโครงการดังกล่าวมาใช้ เพื่อแก้ปัญหาในการเดินทาง สถานที่จอดรถหายาก และปัญหามลพิษ รวมทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยวในตัวเมืองภูเก็ต ซึ่งหลังจากเปิดตัวมาระยะหนึ่งพบว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ขณะนี้ในแต่ละวันมีประชาชน และนักท่องเที่ยวหันมาให้ความสนใจนำรถจักรยานไปใช้บริการกันเป็นจำนวนมาก ในแต่ละวันมียอดเปิดใช้มากกว่าพันครั้ง
แต่อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กำลังกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางในโลกโซเชียลถึงการกระทำของคนบางคน บางกลุ่มที่ขาดจิตสำนึก เห็นแก่ได้ และเห็นแก่ตัว เห็นแก่ความสนุก ในการใช้รถจักรยานของโครงการ “ปั่น เปลี่ยน เมือง BIKE SHARING IN PHUKET” ไม่ว่าจะเป็นการนำจักรยานไปโยนทิ้งลงคลอง นำกลับไปไว้บ้าน จับจองเป็นสมบัติส่วนตัว และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งส่วนใหญ่ประณามการกระทำของคนบางคนที่นำรถไปใช้แต่ขาดจิตสำนึกที่ดี และรับไม่ได้ต่อพฤติกรรมดังกล่าว มีการแชร์ภาพการนำรถไปเก็บในบ้านเพื่อไว้ใช้ส่วนตัวกันจำนวนมาก
เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายนพพล ตู้จินดา กรรมการผู้จัดการ ประจำประเทศไทย บริษัท OFO กล่าวว่า โครงการนี้เป็นโครงการที่ทางบริษัทเข้ามาดำเนินการเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาเมืองภูเก็ต และเลือกจังหวัดภูเก็ตเป็นจังหวัดนำร่องในการทำโครงการ BIKE SHARING ซึ่งจากการทอดลองใช้ถือว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี มีการนำไปใช้จำนวนมาก โดยจะมีการทดลองใช้เป็นเวลา 1 เดือน คือตั้งแต่วันที่ 1-31 ต.ค.60
แต่อย่างไรก็ตาม จากการทดลองใช้พบว่ามีปัญหาเกิดขึ้นหลายอย่าง โดยเฉพาะปัญหาที่เกิดจากคนใช้บางคนที่ขาดจิตสำนึก หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ รวมทั้งคนที่เข้าใจผิดคิดว่ารถที่ทางบริษัทนำมาให้ใช้เป็นรถที่นำมาแจก จนมีการนำไปเก็บที่บ้าน ซึ่งขอยืนยันว่า รถดังกล่าวเป็นรถที่นำมาใช้ในที่สาธารณะ แต่ช่วงนี้เป็นช่วงเปิดให้ใช้บริการฟรี แต่หลังจากนี้ จะเป็นการเก็บค่าบริการ นอกจากนั้น ยังมีปัญหาวัยรุ่นนำรถจักรยานไปทิ้งลงคลอง และบางส่วนนำรถไปใช้นอกพื้นที่ ห่างไปจากจุดบริการ 30-40 กิโลเมตร
จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า กลุ่มที่น่าเป็นห่วงในขณะนี้คือ กลุ่มที่นำไปใช้ส่วนตัว นำไปไว้ที่บ้าน ซึ่งข้อมูลระบุพบว่า มีประมาณกว่า 100 คัน บางคนนำขึ้นรถกระบะไปเก็บไว้ใช้ บางคนนำรถสามล้อพวงมาขน เมื่อพนักงานไปขอคืนก็จะอ้างว่าเป็นรถที่ได้รับแจกมา ซึ่งเรื่องนี้จะต้องทำความเข้าใจกัน ส่วนการนำรถไปใช้นอกพื้นที่ก็มีจำนวนมากเช่นกัน ที่ผ่านมา มีการติดตามให้นำมาคืนกันเป็นจำนวนมาก
นายนพพล ยังได้กล่าวต่อไปว่า สิ่งที่อยากให้ประชาชนที่นำรถไปใช้ คือ ความรับผิดชอบ และการมีจิตสำนึกในการใช้สิ่งของร่วมกันกับคนอื่น อย่าเอาไปเก็บไว้เป็นส่วนตัว เพราะถ้าถึงเวลาก็จะต้องมีการดำเนินคดีในข้อหาลักทรัพย์ต่อไป นอกจากนั้น การนำรถไปจอดควรที่จะนำไปจอดในสถานที่ที่คนอื่นสามารถนำไปใช้ได้ด้วย อย่าทำให้จังหวัดภูเก็ตซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวได้รับความเสียหายเลย เพราะเท่าที่ทราบขณะนี้คนภูเก็ตส่วนใหญ่ก็ไม่พอใจต่อการกระทำของคนบางกลุ่มเช่นเดียวกัน เพราะทุกคนคิดว่าเป็นการกระทำที่ทำลายภูเก็ตให้เกิดความเสียหาย
ขณะที่ พล.ต.ต.ธีรพล ทิพย์เจริญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ขณะนี้ทราบปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว สำหรับกรณีที่มีการนำรถจักรยานไปทิ้งลงคลองนั้นเป็นการกระทำที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง เป็นการทำลายทรัพย์สินของบุคคลอื่นให้เกิดความเสียหาย ถ้าเจ้าของทรัพย์แจ้งความดำเนินคดีเชื่อว่าติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีได้อย่างแน่นอน เพราะมีทั้งกล้องวงจรปิด และข้อมูลในการเปิดใช้รถซึ่งใช้มือถือในการเปิดใช้ ส่วนกรณีนำกลับไปไว้ที่บ้านก็เช่นกัน เป็นการลักทรัพย์ สามารถดำเนินคดีเช่นกัน
จึงอยากฝากเตือนไปยังคนที่นำรถไปใช้ขอให้มีจิตสำนึกว่า สิ่งของเหล่านี้เป็นสิ่งของที่ทุกคนสามารถใช้ประโยชน์ร่วมกัน ควรที่จะช่วยดูแลรักษา ซึ่งโครงการนี้ถือว่าเป็นโครงการที่ดี ซึ่งถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นในการนำรถจักรยานมาใช้ในเมืองเพื่อลดความแออัดของจราจร
ขณะ นายภูเก็จ ทองสม กล่าวว่า ที่ในสถานะที่เป็นคนอยู่เบื้องหลัง โครงการ “ปั่น เปลี่ยน เมือง BIKE SHARING IN PHUKET” ของบริษัทภูเก็ตพัฒนาเมือง มาตั้งแต่เริ่มต้น ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นต่อโครงการนี้ ไม่ว่าจะเป็นกรณีการนำจักรยานไปใช้แล้วนำทิ้งคลอง จอดในที่ที่ไม่เหมาะสม เอาไปจอดตามบ้านพักส่วนตัว ตามที่มีภาพข่าว และสังคมโซเชียล ไม่ว่าคนทำจะทำไปด้วยจากสาเหตุใดก็ตาม ไม่ใช่เป็นเรื่องที่อยู่เหนือความคาดหมาย ในมุมมองของ operation expectations มากนัก
แต่ภาพต่างๆ การสื่อออกมาของคนหลายกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยต่อการกระทำของคนบางคนบางกลุ่มเป็นการแสดงให้เห็นว่า คนในพื้นที่ภูเก็ตส่วนใหญ่เองเริ่มเข้าใจถึงสิ่งที่ทางบริษัทพัฒนาเมืองกำลังทำ เพื่อให้ภูเก็ตพัฒนา และยอมรับสิ่งใหม่ๆ เข้ามาเพื่อแก้ปัญหาอื่นที่เกิดขึ้นในพื้นที่ ขณะนี้คนภูเก็ตเองกำลังออกมาแสดงความปกป้องกับของที่ใช้เพื่อส่วนรวมกันมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม คงต้องค่อยๆ ปรับ และสร้างจิตสำนึกให้แก่คนบางคนบางกลุ่มให้เข้าใจว่าการใช้ประโยชน์ร่วมกันมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันพบว่าคนหันมาให้ความสนใจ ดูได้จากยอดการใช้ที่มีเพิ่มขึ้นทุกวัน แต่ระยะยาวคงต้องรอดูกันต่อไปว่า จะเปลี่ยนสังคม เปลี่ยนพฤติกรรมคนได้มากน้อยขนาดไหน แต่อย่างน้อยตอนนี้เราได้เริ่มที่จะพัฒนาเมืองกันแล้ว
หลังจากบริษัท ภูเก็ตพัฒนาเมือง จำกัด หรือ PKCD ผลักดันโครงการ “ปั่น เปลี่ยน เมือง BIKE SHARING IN PHUKET” โครงการดีๆ ให้บริการรถจักรยานสาธารณะไร้สถานีนำร่องทดลองใช้ฟรีเป็นเวลา 1 เดือน ซึ่งจังหวัดภูเก็ต ถือเป็นจังหวัดนำร่องที่มีการนำโครงการดังกล่าวมาใช้ เพื่อแก้ปัญหาในการเดินทาง สถานที่จอดรถหายาก และปัญหามลพิษ รวมทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยวในตัวเมืองภูเก็ต ซึ่งหลังจากเปิดตัวมาระยะหนึ่งพบว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ขณะนี้ในแต่ละวันมีประชาชน และนักท่องเที่ยวหันมาให้ความสนใจนำรถจักรยานไปใช้บริการกันเป็นจำนวนมาก ในแต่ละวันมียอดเปิดใช้มากกว่าพันครั้ง
แต่อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กำลังกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางในโลกโซเชียลถึงการกระทำของคนบางคน บางกลุ่มที่ขาดจิตสำนึก เห็นแก่ได้ และเห็นแก่ตัว เห็นแก่ความสนุก ในการใช้รถจักรยานของโครงการ “ปั่น เปลี่ยน เมือง BIKE SHARING IN PHUKET” ไม่ว่าจะเป็นการนำจักรยานไปโยนทิ้งลงคลอง นำกลับไปไว้บ้าน จับจองเป็นสมบัติส่วนตัว และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งส่วนใหญ่ประณามการกระทำของคนบางคนที่นำรถไปใช้แต่ขาดจิตสำนึกที่ดี และรับไม่ได้ต่อพฤติกรรมดังกล่าว มีการแชร์ภาพการนำรถไปเก็บในบ้านเพื่อไว้ใช้ส่วนตัวกันจำนวนมาก
เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายนพพล ตู้จินดา กรรมการผู้จัดการ ประจำประเทศไทย บริษัท OFO กล่าวว่า โครงการนี้เป็นโครงการที่ทางบริษัทเข้ามาดำเนินการเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาเมืองภูเก็ต และเลือกจังหวัดภูเก็ตเป็นจังหวัดนำร่องในการทำโครงการ BIKE SHARING ซึ่งจากการทอดลองใช้ถือว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี มีการนำไปใช้จำนวนมาก โดยจะมีการทดลองใช้เป็นเวลา 1 เดือน คือตั้งแต่วันที่ 1-31 ต.ค.60
แต่อย่างไรก็ตาม จากการทดลองใช้พบว่ามีปัญหาเกิดขึ้นหลายอย่าง โดยเฉพาะปัญหาที่เกิดจากคนใช้บางคนที่ขาดจิตสำนึก หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ รวมทั้งคนที่เข้าใจผิดคิดว่ารถที่ทางบริษัทนำมาให้ใช้เป็นรถที่นำมาแจก จนมีการนำไปเก็บที่บ้าน ซึ่งขอยืนยันว่า รถดังกล่าวเป็นรถที่นำมาใช้ในที่สาธารณะ แต่ช่วงนี้เป็นช่วงเปิดให้ใช้บริการฟรี แต่หลังจากนี้ จะเป็นการเก็บค่าบริการ นอกจากนั้น ยังมีปัญหาวัยรุ่นนำรถจักรยานไปทิ้งลงคลอง และบางส่วนนำรถไปใช้นอกพื้นที่ ห่างไปจากจุดบริการ 30-40 กิโลเมตร
จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า กลุ่มที่น่าเป็นห่วงในขณะนี้คือ กลุ่มที่นำไปใช้ส่วนตัว นำไปไว้ที่บ้าน ซึ่งข้อมูลระบุพบว่า มีประมาณกว่า 100 คัน บางคนนำขึ้นรถกระบะไปเก็บไว้ใช้ บางคนนำรถสามล้อพวงมาขน เมื่อพนักงานไปขอคืนก็จะอ้างว่าเป็นรถที่ได้รับแจกมา ซึ่งเรื่องนี้จะต้องทำความเข้าใจกัน ส่วนการนำรถไปใช้นอกพื้นที่ก็มีจำนวนมากเช่นกัน ที่ผ่านมา มีการติดตามให้นำมาคืนกันเป็นจำนวนมาก
นายนพพล ยังได้กล่าวต่อไปว่า สิ่งที่อยากให้ประชาชนที่นำรถไปใช้ คือ ความรับผิดชอบ และการมีจิตสำนึกในการใช้สิ่งของร่วมกันกับคนอื่น อย่าเอาไปเก็บไว้เป็นส่วนตัว เพราะถ้าถึงเวลาก็จะต้องมีการดำเนินคดีในข้อหาลักทรัพย์ต่อไป นอกจากนั้น การนำรถไปจอดควรที่จะนำไปจอดในสถานที่ที่คนอื่นสามารถนำไปใช้ได้ด้วย อย่าทำให้จังหวัดภูเก็ตซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวได้รับความเสียหายเลย เพราะเท่าที่ทราบขณะนี้คนภูเก็ตส่วนใหญ่ก็ไม่พอใจต่อการกระทำของคนบางกลุ่มเช่นเดียวกัน เพราะทุกคนคิดว่าเป็นการกระทำที่ทำลายภูเก็ตให้เกิดความเสียหาย
ขณะที่ พล.ต.ต.ธีรพล ทิพย์เจริญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ขณะนี้ทราบปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว สำหรับกรณีที่มีการนำรถจักรยานไปทิ้งลงคลองนั้นเป็นการกระทำที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง เป็นการทำลายทรัพย์สินของบุคคลอื่นให้เกิดความเสียหาย ถ้าเจ้าของทรัพย์แจ้งความดำเนินคดีเชื่อว่าติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีได้อย่างแน่นอน เพราะมีทั้งกล้องวงจรปิด และข้อมูลในการเปิดใช้รถซึ่งใช้มือถือในการเปิดใช้ ส่วนกรณีนำกลับไปไว้ที่บ้านก็เช่นกัน เป็นการลักทรัพย์ สามารถดำเนินคดีเช่นกัน
จึงอยากฝากเตือนไปยังคนที่นำรถไปใช้ขอให้มีจิตสำนึกว่า สิ่งของเหล่านี้เป็นสิ่งของที่ทุกคนสามารถใช้ประโยชน์ร่วมกัน ควรที่จะช่วยดูแลรักษา ซึ่งโครงการนี้ถือว่าเป็นโครงการที่ดี ซึ่งถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นในการนำรถจักรยานมาใช้ในเมืองเพื่อลดความแออัดของจราจร
ขณะ นายภูเก็จ ทองสม กล่าวว่า ที่ในสถานะที่เป็นคนอยู่เบื้องหลัง โครงการ “ปั่น เปลี่ยน เมือง BIKE SHARING IN PHUKET” ของบริษัทภูเก็ตพัฒนาเมือง มาตั้งแต่เริ่มต้น ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นต่อโครงการนี้ ไม่ว่าจะเป็นกรณีการนำจักรยานไปใช้แล้วนำทิ้งคลอง จอดในที่ที่ไม่เหมาะสม เอาไปจอดตามบ้านพักส่วนตัว ตามที่มีภาพข่าว และสังคมโซเชียล ไม่ว่าคนทำจะทำไปด้วยจากสาเหตุใดก็ตาม ไม่ใช่เป็นเรื่องที่อยู่เหนือความคาดหมาย ในมุมมองของ operation expectations มากนัก
แต่ภาพต่างๆ การสื่อออกมาของคนหลายกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยต่อการกระทำของคนบางคนบางกลุ่มเป็นการแสดงให้เห็นว่า คนในพื้นที่ภูเก็ตส่วนใหญ่เองเริ่มเข้าใจถึงสิ่งที่ทางบริษัทพัฒนาเมืองกำลังทำ เพื่อให้ภูเก็ตพัฒนา และยอมรับสิ่งใหม่ๆ เข้ามาเพื่อแก้ปัญหาอื่นที่เกิดขึ้นในพื้นที่ ขณะนี้คนภูเก็ตเองกำลังออกมาแสดงความปกป้องกับของที่ใช้เพื่อส่วนรวมกันมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม คงต้องค่อยๆ ปรับ และสร้างจิตสำนึกให้แก่คนบางคนบางกลุ่มให้เข้าใจว่าการใช้ประโยชน์ร่วมกันมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันพบว่าคนหันมาให้ความสนใจ ดูได้จากยอดการใช้ที่มีเพิ่มขึ้นทุกวัน แต่ระยะยาวคงต้องรอดูกันต่อไปว่า จะเปลี่ยนสังคม เปลี่ยนพฤติกรรมคนได้มากน้อยขนาดไหน แต่อย่างน้อยตอนนี้เราได้เริ่มที่จะพัฒนาเมืองกันแล้ว