ศูนย์ข่าวภาคใต้ - เริ่มเดินแล้วก้าวแรก! “เครือข่ายคนสงขลา-ปัตตานีฯ” ร่วมกันละหมาดฮายัดขอพรต่อพระเจ้า ก่อนออกเดินเท้า 5 วัน จี้นายกรัฐมนตรี ถก ครม.ใต้หยุด “โรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา” ทำชุมชนล่มสลาย
เครือข่ายคนสงขลา-ปัตตานีไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน ได้ประกาศข้อความจากพี่น้องเทพา ในหัวข้อ “เดิน...เทใจให้เทพา หยุดโรงไฟฟ้าถ่านหิน เดิน...หานายก หยุดทำลายชุมชน” สืบเนื่องจากการที่นายกรัฐมนตรี จะมาตรวจราชการในพื้นที่จังหวัดปัตตานี ในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2560 และประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย อ.เมืองสงขลา ในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2560 นี้
ชาวเทพา และเครือข่ายมีมติจะเดินเท้าจากพื้นที่ก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา ไปหานายกรัฐมนตรี ในวันประชุม ครม.สัญจร เพื่อสื่อสารต่อสาธารณะถึงความไม่เป็นธรรมที่ชาวบ้านได้รับจากโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา และยื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรี ถึงเหตุผลของชาวบ้านที่ไม่ต้องการโรงไฟฟ้าถ่านหิน และอุตสาหกรรมสกปรก แต่ต้องการการพัฒนาที่ยั่งยืน
ล่าสุด เช้าวันนี้ (24 พ.ย.) เมื่อเวลาประมาณ 09.00 น. ชาวบ้านในพื้นที่ตั้งโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา และเครือข่ายคนสงขลา-ปัตตานีไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน ได้ร่วมกันละหมาดฮายัด ก่อนออกเดินทางไปหานายกรัฐมนตรี ที่จะมาเยี่ยมเยียนภาคใต้ในวันที่ 28 พฤศจิกายนนี้ เพื่อบอกให้ยกเลิกโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน
โดยมีการออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 1 เครือข่ายคนสงขลา-ปัตตานีไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน “เราจะเดินอย่างสันติ ไปพบนายกรัฐมนตรี เพื่อบอกถึงความทุกข์ร้อนของคนเทพา”
หลายปีที่ผ่านมา พวกเราชาวบ้านเทพา ได้เดินทางไปกรุงเทพฯ หลายครั้ง เพื่อยื่นหนังสือถึงรัฐบาล และนายกรัฐมนตรี ให้เห็นถึงความทุกข์ร้อนของพวกเรา จากโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินที่จะเกิดขึ้นใน อ.เทพา หากแต่ไม่เคยมีเสียงตอบรับใดแม้แต่น้อย จนในวันนี้ที่นายกรัฐมนตรีประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะรัฐมนตรีทั้งหลายได้เดินทางมาประชุมที่ จ.สงขลา แห่งนี้ พวกเราจึงมีความหวังว่าน่าจะเป็นโอกาสที่ดีที่ท่านควรจะได้รับรู้ เข้าใจ และมองเห็นถึงความทุกข์ร้อนที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อพวกเรา บ้านของเรา และชุมชนของพวกเราในขณะนี้ จากการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในภาคใต้
บนเนื้อที่เกือบ 3, 000 ไร่ ในพื้นที่บ้านคลองประดู่ หมู่ที่ 4 ต.ปากบาง อ.เทพา ซึ่งมีมัสยิด 2 แห่ง โรงเรียนปอเนาะ 1 โรง วัด 1 แห่ง และยังมีบ้านเรือนถึง 250 ครัวเรือน ที่จะต้องสังเวยให้แก่โรงไฟฟ้าถ่านหินอย่างไม่เคยมีมาก่อน ที่จะต้องอพยพ โยกย้ายประชาชนออกจากพื้นที่อย่างมากมายถึงขนาดนี้ นั่นหมายถึงการ “ล่มสลาย” ของชุมชนแห่งนี้ตามไปด้วย แล้วพี่น้องของพวกเราที่นี่จะไปอยู่ที่ไหน อย่างไร? รากฐานชีวิต และชุมชนที่ปลูกสร้างกันมานานนับร้อยปีจะต้องกระจัดกระจาย และหายไปอย่างไม่มีหลักประกันอันใด นอกเหนือจากเบี้ยค่าเวนคืน และค่าชดเชยจำนวนหนึ่งที่ กฟผ.มอบให้กระนั้นหรือ แล้วการพัฒนาที่ท่านนายกรัฐมนตรีมักกล่าวอ้างเสมอว่า “จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” นั้น หมายถึงอะไร จึงเป็นความสงสัยที่ค้างคาใจพวกเราตลอดมา
การเดินของพวกเราในครั้งนี้ จะดำเนินไปด้วย “สันติ” และจะไม่มีเจตนาใดแอบแฝง นอกจากแสดงเจตนาด้วยความบริสุทธิ์ใจให้เห็นถึงความทุกข์ ความเจ็บปวดในเลือดเนื้อ ชีวิต และจิตวิญญาณของบรรพชน และของพวกเราทุกคนในที่แห่งนี้ เราจึงอยากเดินทางไปไถ่ถามท่านต่อหน้าต่อตาถึงสิ่งเหล่านี้ ถึงแม้เสียงที่เราเคยพยายามเปล่งออกไปก่อนหน้านี้จะไม่ดังพอเพื่อที่จะให้ท่านได้ยิน หากแต่เราหวังว่าการเดินในครั้งนี้ทุกฝีก้าวที่เหยียบย่างออกไปตลอดระยะทางจากบ้านของพวกเรา ไปถึงสถานที่ประชุมของ ครม.ของท่านที่ อ.เมือง จ.สงขลา จำนวน 75 กิโลเมตร จะค่อยๆ ส่งเสียงดังที่ละนิดละน้อย จนกลายเป็นเสียงที่ส่งสะท้อนให้ท่านได้ยินมันมากขึ้น และหยาดเหงื่อทุกหยดของพวกเราที่รินรดพื้นดินตลอดเส้นทาง จะทำให้ท่านได้มองเห็นถึงปัญหาที่ได้เกิดขึ้นกับพวกเรา
เราเชื่อว่าพระผู้เป็นเจ้าจะรับรู้ถึงความตั้งใจของพวกเราทุกคน และด้วยพรอันประเสริฐจากพระผู้เป็นเจ้า เราขอให้พระองค์ได้อำนวยพรนั้นให้บังเกิดขึ้น จึงขอให้พระองค์ได้ประทานพลังกาย พลังใจ ภายใต้ความศรัทธาอันยิ่งใหญ่นี้ให้เราได้ปฏิบัติภารกิจอย่างสำเร็จลุล่วงดังความประสงค์ที่ตั้งไว้ และขอให้พระองค์ช่วยเปิดตา เปิดใจให้นายกรัฐมนตรี เปิดรับเจตนาของพวกเราทุกคนด้วยเถิด