ตรัง - หนุ่มมุสลิมชาว ต.บางเป้า อ.กันตัง จ.ตรัง ปรับพื้นที่ว่างข้างบ้านมาเป็นแหล่งเรียนรู้ควายไทย พร้อมกับใช้วิธีการเลี้ยงแบบธรรมชาติ จนมีผู้สนใจมาศึกษาดูงานจากหลายจังหวัดเป็นจำนวนมาก
วันนี้ (7 พ.ย.) นายสุดดิน ซาชา อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 45 หมู่ที่ 7 ต.บางเป้า อ.กันตัง จ.ตรัง ซึ่งเป็นเกษตรกรชาวไทยมุสลิม ที่มีความชื่นชอบในการเลี้ยงควายไทยมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ กระทั่งเมื่อมีโอกาสจึงได้ไถ่ชีวิตควายมาจากโรงฆ่าสัตว์ และหาซื้อมาทีละตัวสองตัว จนปัจจุบันมีควายอยู่ 12 ตัวแล้ว
โดยได้จำลองพื้นที่ว่างข้างบ้าน ขนาดความกว้าง 10 เมตร และยาว 20 เมตร เพื่อมาทำปลักโคลนให้ควายได้ลงไปแช่ และทำรั้วล้อมรอบ จากนั้นจะปล่อยให้ควายออกมาเดินเล่นในสวนยางพารา วันละ 2 รอบเช้ากับเย็น ปรากฏว่า วิธีการนี้ทำให้ควายมีสุขภาพที่แข็งแรงสมบูรณ์ และสามารถอยู่รวมกันได้ในพื้นที่ที่มีจำกัด จนกลายเป็นแหล่งเรียนรู้การเลี้ยงควายไทยที่ใหญ่ที่สุดในอำเภอกันตัง จังหวัดตรัง
เนื่องจาก นายสุดดิน ต้องการให้เยาวชนคนรุ่นหลังได้รู้จักควายไทยที่ใกล้จะสูญพันธุ์ หลังจากมีควายเหล็กเข้ามาแทน ประกอบกับในอดีตครอบครัวก็เคยทำนาโดยใช้ควาย และยังเก็บคันไถ รวมทั้งอุปกรณ์การทำนาแบบดั้งเดิมเอาไว้ ซึ่งในอนาคตอาจจะย้อนกลับไปทำนาโดยใช้ควายไทยอีกครั้ง เพื่อสืบสานภูมิปัญญาชาวบ้าน และเป็นแหล่งเรียนรู้ของคนรุ่นใหม่
ทำให้ในปัจจุบันมีเกษตรกรจากต่างอำเภอ และต่างจังหวัดเดินทางมาศึกษาการเลี้ยงควายโดยใช้พื้นที่จำกัดเดือนละหลายร้อยคน ขณะที่เจ้าตัวเองก็ยังต้องการซื้อควายไทยตามจังหวัดต่างๆ เท่าที่มีกำลังทรัพย์ โดยเฉพาะตามโรงฆ่าสัตว์ มาสะสมไว้ต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่มีการขายออก เพราะเชื่อว่า จะทำให้การทำมาหากินคล่องตัว รุ่งเรือง และมีสุขภาพที่แข็งแรง