ประจวบคีรีขันธ์ - สวนสัตว์หัวหินซู จัดงานวันอนุรักษ์ควายไทย 14 พฤษภาคม 2560 หลังคณะรัฐมนตรีเห็นชอบประกาศให้เป็นวันอนุรักษ์ควายไทย พร้อมจัดโต๊ะจีนควายครั้งแรกของประเทศ เรียกความฮือฮา
วันนี้ (14 พ.ค.) ที่สวนสัตว์หัวหินซู จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายนุกูล วัฒนากร และนายกิตติชัย ศรีทองช่วย ปลัดอำเภอหัวหิน พร้อมด้วย นายประกอบ ชำนาญกิจ เจ้าของสวนสัตว์หัวหินซู เป็นประธานปิดงาน “วันอนุรักษ์ควายไทย ครั้งที่ 1” โดยมีสำนักงานปศุสัตว์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานประจวบฯ สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวหัวหิน-ชะอำ สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สโมสรไลออน์สหัวหิน-ชะอำ เข้าร่วมพิธีเปิดงาน
นายประกอบ ชำนาญกิจ เจ้าของสวนสัตว์หัวหินซู กล่าวว่า ภายหลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบกำหนดให้วันที่ 14 พฤษภาคมของทุกปี เป็นวันอนุรักษ์ควายไทย ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เสนอ เพื่อเป็นการสร้างความตระหนักรู้ และให้ความสำคัญในการส่งเสริมและอนุรักษ์การเลี้ยงควายไทย
โดยเฉพาะในปัจจุบันจำนวนควายไทย และผู้เลี้ยงควายไทยมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง และไม่ได้รับการเอาใจใส่จากภาคส่วนต่างๆ ในการส่งเสริม สนับสนุนสร้างอาชีพ รวมทั้งด้านวิชาการหรือการวิจัยต่างๆ ในวันที่ 14 พฤษภาคมของทุกปี จึงเป็นวันอนุรักษ์ควายไทย เนื่องจากเป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ได้มีพระราชดำรัสถึงหลักการดำเนินโครงการธนาคารโค-กระบือ เป็นครั้งแรก
สำหรับทางสวนสัตว์หัวหินซู ได้เลี้ยงควายมานานกว่า 10 ปี เริ่มตั้งแต่มีควายเพียง 10 ตัวเท่านั้น แต่ในปัจจุบันมีการออกลูกมาจนขณะนี้ทางสวนสัตว์หัวหินซู มีควายอยู่ในความดูแลทั้งหมดกว่า 40 ตัว ส่วนหนึ่งเป็นควายเผือกกว่า 20 ตัว รวมถึวควายเขาตกที่หายาก
สำหรับการจัดกิจกรรมในวันอนุรักษ์ควายไทยในครั้งนี้ ที่สำคัญมีการจัดกิจกรรมเลี้ยงโต๊ะจีนควาย เป็นครั้งแรกของประเทศไทย โดยนำหญ้า และฟางมาจัดเรียงบนโต๊ะเป็นวงกลมอยู่บริเวณท้องนา การสาธิตการใช้ควายไถนา การหว่านข้าวลงในแปลงนา การจัดนิทรรศการเกี่ยวกับควายไทย การนำสัตวแพทย์มาตรวจสุขภาพของควายที่มีอยู่ในสวนสัตว์หัวหินซูทั้งหมดด้วย
นางวาสนา ศรีกาญจนา นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวหัวหิน-ชะอำ กล่าวว่า นับเป็นกิจกรรมการสร้างความสำคัญในการอนุรักษ์ควายไทยเป็นอย่างดี และจะเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวิถีชีวิตของชาวนาไทย ในพื้นที่อำเภอหัวหินอีกทางหนึ่ง ซึ่งเชื่อว่าในปีต่อๆ ไปจะได้ความสนใจจากชาวต่างชาติมากเพิ่มขึ้น ถือว่าเป็นจุดขายใหม่ทางการท่องเที่ยวอีกทางหนึ่ง เพราะทราบว่าต่อไปจะมีการจัดสาธิตการไถนา และอื่นๆ ให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาชมในระยะต่อไป