สุราษฎร์ธานี - ปู่-ย่า วัย 50 กว่าปี ฐานะยากจน ปู่ขับรถจักรยานยนต์รับจ้างมีรายได้เพียงวันละ 100 บาท แต่ต้องเลี้ยงดูทั้งเมีย และหลานรวม 4 ชีวิต แถมหลานสาววัย 10 ขวบ พิการทางสมอง เดิน นั่งไม่ได้นานกว่า 10 ปี วอนหน่วยงานรัฐดูแลให้หลานเป็นคนไข้ในพระบรมราชูปถัมภ์ ต้องการให้หลานสาวได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง แต่ครอบครัวยากจน
ผู้สื่อข่าวได้รับติดต่อจากชาวบ้านที่อาศัยอยู่บ้านหนองเปล ต.พลายวาส อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี ว่า ที่บ้านเลขที่ 77/1 ม.9 ต.พลายวาส อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี มีเด็กป่วยเป็นโรคหัวโต พิการเดินไม่ได้ ผู้ปกครองมีฐานะยากจน ต้องการให้สื่อเป็นสื่อกลางในการขอความช่วยเหลือด้านการรักษาและช่วยเหลือในส่วนของเครื่องใช้ส่วนตัวเด็ก เนื่องจากผู้ปกครองเด็กที่มีศักดิ์เป็นปู่ฐานะยากจน มีอาชีพขับรถจักรยานยนต์รับจ้าง รายได้ไม่เพียงต่อค่าใช้จ่ายที่ต้องดูแลคนในครอบครัวถึง 4 ชีวิต และเด็กมีเงินพิการที่ทาง อบต.จ่ายให้เดือนละ 800 บาทเท่านั้น
วันนี้ (19 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปบ้านหลังดังกล่าว พบ “น้องนาเดีย” หรือ ด.ญ.อิสริยา ช่วยผุด อายุ 10 ขวบ พิการตั้งแต่แรกเกิด เนื่องจากคลอดก่อนกำหนดขณะมีอายุในครรภ์มารดาได้เพียง 6 เดือน ต้องเข้าตู้อบเด็กโรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี นานถึง 2 เดือน มีศีรษะโตผิดปกติ ขาทั้ง 2 ข้างอ่อนแรง และนั่งเองไม่ได้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ต้องนอนอย่างเดียว ซึ่งอยู่ในการดูแลของ นางทิพวรรณ ช่วยผุด วัย 50 ปี ผู้เป็นย่า กับนายชนะ ช่วยผุด อายุ 54 ปี ผู้เป็นปู่ แถมยังป่วยเป็นโรคเกาต์ แต่ต้องหาเลี้ยงครอบครัวเพียงลำพัง ด้วยการขับรถจักรยานยนต์รับจ้างได้วันละ 100 กว่าบาท เลี้ยงชีวิตสมาชิกในครอบครัวถึง 5 คน คือ ปู่ ย่า น้องนาเดีย น้องสาวของนาเดีย ที่เป็นโรคปากแหว่งเพดานโหว่ แต่ได้รับการผ่าตัดรักษาจนปกติแล้ว กำลังเรียนหนังสือในโรงเรียนใกล้บ้าน และหลานเล็กๆ อายุ 7 เดือน นอนอยู่ในเปล อีก 1 คน โดยนางทิพวรรณ ผู้เป็นย่าต้องดูแลหลานอย่างใกล้ชิด และทำงานบ้านเล็กๆ น้อยๆ
นางทิพวรรณ ผู้เป็นย่า กล่าวว่า เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ลูกสะใภ้ หรือแม่ของ “น้องนาเดีย” ซึ่งปัจจุบันเลิกกับพ่อของน้องนาเดีย ต่างฝ่ายต่างแยกกันไปมีครอบครัวใหม่ โดยตอนนั้นแม่ของนาเดียไม่ทราบว่าตัวเองตั้งครรภ์ จนกระทั่งอายุครรภ์ได้ประมาณ 6 เดือน อยู่ๆ ก็มีเลือดไหล และคลอดออกมาเอง ช่วงจังหวะนั้นลูกชายของตนเองอีกคน หรือเป็นอาของน้องนาเดีย เป็นกู้ภัยช่วยทำคลอดแบบฉุกเฉิน และนำส่งโรงพยาบาลกาญจนดิษฐ์ ก่อนนำส่งโรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี โดยที่แพทย์ต้องนำน้องนาเดีย เข้าห้องอบทันที และบอกว่า เด็กคลอดก่อนกำหนดมีอายุครรภ์ประมาณ 6 เดือน และขาดออกซีเจนไปขณะหนึ่ง ทำให้สมองได้รับการกระทบกระเทือน โดยน้องนาเดีย อยู่ในห้องอบเด็กนานประมาณ 2 เดือน ทางแพทย์ได้ติดต่อให้ปู่กับย่าไปรับตัวกลับ พร้อมบอกว่า เด็กมีน้ำในสมองมากเกินไปทำให้ศีรษะโตผิดปกติ น่าจะมีชีวิตอยู่ได้ประมาณ 6 เดือน โดยที่ไม่บอกอะไรเพิ่มเติม
จากนั้นตนก็เลี้ยงน้องนาเดีย มาเรื่อยๆ จนตอนนี้อายุ 10 ขวบแล้ว หากเป็นไปได้อยากให้หน่วยงานรัฐช่วยเหลือสนับสนุนให้เป็นคนไข้ในพระบรมราชูปถัมภ์ หรือได้รับการรักษาจากภาครัฐต่อเนื่อง เชื่อว่าพัฒนาการของน้องนาเดีย น่าจะต้องดีขึ้น เพระเท่าที่ตนเองเลี้ยงมาก็มีพัฒนาการดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ขาดการรักษาอย่างต่อเนื่อง เพราะครอบครัวมีฐานะยากจน ไม่มีเงินจะนำหลานไปรักษา
ด้าน นายสุพจน์ เรืองเกิด ผู้ใหญ่บ้าน ม.9 กล่าวว่า ตนเองได้พาไปหาหน่วยงานหลายแห่งมาแล้ว ทั้งสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และศูนย์การศึกษาพิเศษ บ้านดอนรัก อ.กาญจนดิษฐ์ โดยทางเจ้าหน้าที่รับปากแต่ก็เรื่องเงียบหายไป ไม่มีอะไรคืบหน้า ได้แต่ตั้งความหวังว่า สักวันจะได้รับการตอบสนองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง