ปัตตานี - รองโฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เผย กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ถอนแจ้งความ 3 นักสิทธิมนุษยชนในข้อหาหมิ่นประมาทแล้ว แต่ความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ยังดำเนินการต่อไป
วันนี้ (23 มิ.ย.) ที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า ตามที่มูลนิธิผสานวัฒนธรรม โดย นายสุรพงษ์ กองจันทึก ประธานมูลนิธิผสานวัฒนธรรม ได้ออกใบแถลงข่าวแจ้งว่า กอ.รมน. ยังไม่ยอมถอนแจ้งความ 3 นักสิทธิมนุษยชนฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา และผิดพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พุทธศักราช 2550 พร้อมกับได้ใช้ความรู้สึกส่วนตัวในการเสนอข้อมูลข่าวสารที่ขาดสาระสำคัญอย่างรอบด้าน ดังที่ปรากฏเป็นข่าวไปแล้วนั้น
กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้เข้าแจ้งความเพื่อดำเนินคดีต่อ 3 นักสิทธิมนุษยชนเมื่อ 11 พ.ค.2559 เนื่องจากมีเจตนาเผยแพร่รายงานสถานการณ์การซ้อมทรมานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ปี 47-58 โดยกล่าวหาเจ้าหน้าที่รัฐได้ทำการซ้อมทรมานผู้ต้องหาคดีความมั่นคงในรูปแบบต่างๆ โดยไม่ยอมให้ความร่วมมือในการตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่กลับรีบเร่งนำรายงานดังกล่าวออกเผยแพร่อย่างกว้างขวาง ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น และภาพลักษณ์ของประเทศในเวทีสากลเป็นอย่างมาก และเมื่อตรวจสอบในภายหลังไม่พบความจริงตามที่กล่าวอ้างในรายงานแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เกิดความปรองดองสมานฉันท์ เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายทั้งใน และต่างประเทศ ซึ่งจะเกิดผลดีต่อการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ในภาพรวม กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า จึงขอถอนแจ้งความร้องทุกข์ในคดีหมิ่นประมาท โดยมอบหมายให้ พ.ท.เศรษฐสิทธิ์ แก้วคูณเมือง ไปแจ้งลงบันทึกประจำวันต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองปัตตานี เพื่อแสดงเจตนารมณ์ไม่ติดใจเอาความต่อ 3 นักสิทธิมนุษยชน เมื่อ 7 มี.ค.60 ซึ่งเป็นวันเดียวกับการประชุมร่วมกัน ณ โรงแรมเดอะสุโกศล กรุงเทพมหานคร
“และต่อมาได้มีการมอบอำนาจให้ถอนแจ้งความร้องทุกข์ในคดีอาญาที่ 704/59 ไม่ติดใจเอาความผู้ที่จัดทำรายงานทั้ง 3 คน ตามหนังสือ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ที่ นร 5119.1/1125 ลง 28 มี.ค.60 พร้อมกับได้รายงานตามสายการบังคับบัญชาให้ กอ.รมน.ทราบแล้ว ส่วนความผิดตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์เป็นความผิดอาญาแผ่นดิน ไม่สามารถถอนแจ้งความร้องทุกข์ได้” พ.อ.ปราโมทย์ กล่าว
โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ยังกล่าวว่า จากหลักฐาน และข้อเท็จจริงที่ปรากฏตามที่กล่าวแล้ว ทำให้ได้ประจักษ์แล้วว่า กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้ดำเนินการตามข้อตกลงภายในเวลาอันสมควร และปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมในขั้นพนักงานอัยการ ซึ่งยังไม่มีความเห็นสั่งฟ้อง หรือไม่ฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 3 คน จึงจำเป็นต้องมารายงานตัวต่อพนักงานอัยการตามกำหนดนัด จนกว่าพนักงานอัยการจะมีความเห็นต่อไป
ซึ่งขั้นตอนเหล่านี้นักกฎหมายทุกคนทราบดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักกฎหมายที่ช่วยเหลือในคดีนี้ จึงไม่ควรนำข้อเท็จจริงที่ถูกบิดเบือนมาขยายผลให้เป็นที่เสื่อมเสียต่อผู้อื่นซ้ำซ้อนขึ้นมาอีก และขอให้ผู้ที่เกี่ยวข้องได้รับรู้ และตระหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ต้องหาในคดีนี้บางคนที่ไม่ยอมปฏิบัติตามเงื่อนไข และข้อตกลงที่ได้กำหนด
ซึ่งล่าสุด น.ส.อัญซณา หีมมิหน๊ะ ประธานกลุ่มด้วยใจ รวมทั้งมูลนิธิผสานวัฒนธรรม ที่ได้ออกมาเคลื่อนไหวกรณี นายดาโหะ มะถาวร ประธานชมรมตาดีกา ต.ทุ่งพอ อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา ด้วยการส่งข่าวผ่านสื่อต่างๆ อย่างกว้างขวาง เพื่อชี้นำให้สังคมเชื่อว่าถูกอุ้มไปจากบ้านพักโดยเจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งที่ไม่ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อเจ้าหน้าที่ตามข้อตกลง ซึ่งต่อมาภายหลัง นายดาโหะ ได้ให้การรับสารภาพว่า ได้กุเรื่องโกหกภรรยา ไม่ได้ถูกอุ้มดังที่กล่าวอ้าง จึงเห็นได้ว่าสิ่งที่กลุ่มบุคคลเหล่านี้ได้แสดงพฤติกรรมตลอดเวลาที่ผ่านมาที่เข้าข่าย “ไม่สำนึก” ซึ่งจะเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่กำลังดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน