นครศรีธรรมราช - สตง.ชี้มูลฟันยับ! ทุจริตสนามกีฬากลางนครศรีธรรมราช “เชาว์นวัศ” งานเข้าแถมพ่วง ขรก.อีก 10 ชาวบ้านอีก 2 อยู่ในข่ายต้องรับผิดทางอาญา และทางละเมิด เรียกเงินคืนแผ่นดินกว่า 8 ล้านบาท
วันนี้ (13 มิ.ย.) เป็นเวลา 3 ปีแล้ว ที่สนามฟุตบอลและลู่วิ่งยางสังเคราะห์ภายในสนามกีฬากลางนครนครศรีธรรมราช อยู่ในสภาพทรุดโทรมอย่างหนัก ขณะที่การแข่งขันกีฬาในระดับท้องถิ่นเป็นไปตามมีตามเกิดกับสภาพสนามที่ขาดมาตรฐาน แม้ว่าทางเทศบาลนครนครศรีธรรมราช จะใช้งบประมาณในการปรับปรุงสูงถึง 13,380,000 บาท เมื่อ 3 ปีก่อน ขณะที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ได้ส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบการปรับปรุง และการใช้งบประมาณอย่างไม่สอดคล้องต่อสภาพสนามตลอด 3 ปีที่ผ่านเช่นเดียวกัน
ล่าสุด เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา สำนักตรวจสอบพิเศษ 14 สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ได้สรุปผลการตรวจสอบ และส่งรายงานการตรวจสอบสนามกีฬาแห่งนี้ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง คสช., ป.ป.ช., ป.ป.ท., ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช, ท้องถิ่นจังหวัดนครศรีธรรมราช, เทศบาลนครนครศรีธรรมราช รวมทั้งหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยมีการสรุปข้อมูลประเด็นสำคัญในการกระทำความผิดตามรายการการตรวจสอบสืบสวนที่ส่งไปด้วยกันนั้น น่าเชื่อว่า มีการทุจริตในกระบวนการจัดจ้างทุกขั้นตอน การประวิงการจัดหางบประมาณให้ล่าช้า เพื่อให้จัดหาผู้รับจ้างมาเริ่มต้นในระยะกระชั้นชิด แล้วอ้างเหตุด่วนในการจัดจ้างแบบวิธีพิเศษกับผู้มีอาชีพรับจ้างบางราย ออกแบบโดยผิดหลักวิชาการโดยเอื้อประโยชน์แก่ผู้รับจ้าง กำหนดราคากลางสูงเกินจริง อนุญาตให้ผู้รับจ้างเข้าทำงานก่อนวันทำสัญญา ยอมให้ผู้รับจ้างทำงานผิดแบบและมิได้ตรวจรับงานกันจริง เป็นเหตุให้งานจ้างขาดคุณภาพ จนไม่สามารถใช้การได้ตามปกติ ทำให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ และประชาชนเป็นวงเงิน 8,242,768.24 บาท
โดยท้ายรายงานตรวจสอบสืบสวนของสำนักตรวจสอบพิเศษ 14 ได้สรุปอีกว่า ประเด็นการตรวจสอบตามวินิจฉัยทั้ง 7 ประเด็นความผิด น่าเชื่อว่ามีหัวหน้าขบวนการ คือ ผศ.เชาว์นวัศ เสนพงศ์ นายกเทศมนตรีเป็นผู้บงการ โดยพิจารณาแล้วเห็นควรดำเนินการทางอาญา ทางวินัย และทางแพ่งต่อผู้เกี่ยวข้องที่น่าเชื่อว่าร่วมกระบวนทุจริตนี้ทุกคน โดยมีการระบุรายบุคคลที่เกี่ยวข้องรวม 13 คน ซึ่งประกอบด้วย ข้าราชการเทศบาลนครนครศรีธรรมราช 10 คน ปัจจุบันเสียชีวิตไปแล้ว 1 คน เกษียณอายุราชการไปแล้วส่วนหนึ่ง ผู้แทนชุมชน 2 คน และคนที่ 13 ซึ่งเป็นรายชื่อสุดท้ายที่ระบุในสำนวนตรวจสอบฉบับนี้ คือ ผศ.เชาว์นวัศ เสนพงศ์ นายกเทศมนตรี ซึ่งอยู่ในฐานะผู้เอื้อประโยชน์แก่ผู้รับจ้าง โดยให้เข้าทำงานก่อนทำสัญญา และอยู่ในฐานะผู้ใช้หรือผู้ก่อให้เกิดการกระทำความผิด
ท้ายสำนวนฉบับเดียวกันยังระบุทางแพ่งให้เรียกเงินค่าซ่อมพื้นลู่วิ่ง และสนามฟุตบอลคืนแผ่นดิน จำนวน 8,242,768.24 บาท สำนวนลงนามโดย นายภาณุ อุตมะกุล นักวิชาการตรวจเงินแผ่นดินชำนาญการพิเศษ และนายประพนธ์ รักษ์เกลี้ยง ผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบพิเศษภาค 14
อย่างไรก็ตาม สำนักตรวจสอบพิเศษภูมิภาค 14 ยังได้ส่งสำนวนฉบับเต็ม ซึ่งมีความหนากว่า 300 หน้า ไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.เนื่องจากพบการกระทำความผิดตาม มาตรา 15 แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 ในกรณีการจัดจ้างแบบวิธีพิเศษ ซึ่งเป็นอำนาจของ ป.ป.ช.ในการสอบสวนดำเนินคดี