ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ถึงคราวซวย! จนมุม ตำรวจอีกราย ผู้ต้องหาแก๊งจำนำทองปลอม หลังเดินเข้าไปขอชาร์จแบตเตอร์รี่โทรศัพท์มือถือที่สถานีตำรวจป่าตอง เจอผู้เสียหายไปแจ้งความ จำได้ชี้ให้ตำรวจรวบได้ทันควัน ขณะที่ผู้ต้องหาร่วมแก๊งยังหนีได้อีก 2 ราย
เมื่อเวลา 09.10 น. วันนี้ (5 มิ.ย.) ที่ห้องประชุม สถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต พ.ต.อ.พีรยุทธ การะเจดีย์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต รักษาราชการแทน ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต พร้อมด้วย พ.ต.อ.เสริมพันธ์ ศิริคง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พ.ต.อ.อกนิษฐ์ ด่านพิทักษ์ศาสตร์ ผกก.กก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ร่วมสอบปากคำผู้ต้องหาที่ก่อเหตุนำทองปลอมมาจำนำ จำนวน 6 คน ตามหมายจับของศาลจังหวัดภูเก็ต คดีร่วมกันฉ้อโกง ซึ่งได้นำทองปลอมมาจำนำตามร้านทองในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ตั้งแต่เดือน เม.ย.-ต้นเดือน มิ.ย.60
สำหรับผู้ต้องหาประกอบด้วย 1.นายบุญเทียร ขอนสงเคราะห์ อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 161 ม.7 ต.ธาตุทอง อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ 2.น.ส.สุภาพ ดำดิน อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 188 ม.7 ต.เวียงคำ อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี 3.นายพิสิฐ เสริมทรง อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 123 ม.2 ต.กุดจับ อ.กุดจับ จ.อุดรธานี 4.น.ส.คนึงรัตน์ หาญกำแพง อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 115 ม.5 ต.นาโพธิ์ อ.กุดรัง จ.มหาสารคาม และ 5.น.ส.ประคอง รัตนประทุม อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 161 ม.7 ต.ธาตุทอง อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ
โดยทั้ง 5 คน ถูกจับกุมได้เมื่อวันที่ 3 มิ.ย.ที่ผ่านมา ที่ด่านตรวจท่าฉัตรไชย หรือด่านตรวจภูเก็ต พร้อมด้วยของกลางรถยนต์กระบะยี่ห้อฟอร์ด สีดำ ทะเบียน 5 กฎ4701 กรุงเทพมหานคร จำนวน 1 คัน เงินสด จำนวน 115,000 บาท สร้อยคอคล้ายทองคำ จำนวน 2 เส้น แหวนคล้ายทองคำ จำนวน 2 วง พระเครื่องหุ้มกรอบคล้ายทองคำ จำนวน 1 องค์ และเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋าที่สวมใส่ในวันก่อเหตุ จำนวน 26 รายการ
อย่างไรก็ตาม ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 5 ราย ได้มีผู้ต้องหาอีกจำนวนหนึ่งที่ยังตระเวนเอาทองปลอมไปจำนำตามร้านทองในพื้นที่กมลา หลบหนีไปได้ จนกระทั่งเมื่อช่วงเที่ยววันที่ 4 มิ.ย.เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ป่าตอง สามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาแก๊งจำนำทองปลอมได้อีก 1 คน คือ นายอาทิตย์ กองจร อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 345/43 ม.14 ต.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น
โดยจับกุมได้ขณะที่ นายอาทิตย์ กำลังเดินเข้าไปขอชาร์จแบตโทรศัพท์มือถือที่สถานีตรวจ เนื่องจากแบตหมด ทำให้ไม่สามารถติดต่อเพื่อนร่วมแก๊งได้ แต่ขณะนั้นผู้เสียหายซึ่งเคยถูกนายอาทิตย์ นำทองปลอมไปจำนำอยู่ที่สถานีตำรวจเพื่อแจ้งความในคดีอื่น เห็นและจำได้จึงชี้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม
ขณะที่ พ.ต.อ.พีรยุทธ การะเจดีย์ รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต กล่าวว่า สำหรับการจับกุมในครั้งนี้ สืบเนื่องจากตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา คือ ตั้งแต่เดือน เม.ย.-ต้นเดือน มิ.ย.ทางตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ได้รับแจ้งจากเจ้าของร้านทองหลายแห่งในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ว่า ได้มีคนร้ายนำทองปลอมมาจำนำขายฝากไว้กับร้านทอง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการสืบสวนตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ ทราบว่า คนร้ายที่ก่อเหตุน่าจะเป็นกลุ่มเดียวกัน ซึ่งออกตระเวนก่อเหตุในหลายจังหวัด รวมทั้งพื้นที่ อ.เมืองภูเก็ต และพื้นที่ใกล้เคียง
จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 6 คน ให้การรับสารภาพ ว่า ได้ร่วมกันก่อเหตุนำทองปลอมมาตระเวนจำนำในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต จริง โดยวันที่ 30 พ.ค.60 ผู้ต้องหาทั้ง 6 คน ได้มารวมตัวกันที่กรุงเทพฯ และเดินทางมายังจังหวัดภูเก็ต กับรถยนต์กระบะยี่ห้อฟอร์ด สีดำ ทะเบียน 5 กฎ 4701 กรุงเทพ มีนายพิสิฐ เสริมทรง เป็นผู้ขับขี่
โดยทั้งหมดเดินทางถึงภูเก็ตเมื่อวันที่ 31 พ.ค.ในเวลาประมาณ 12.00 น. และได้ตระเวนนำทองปลอมไปจำนำตามร้านต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต โดยจะแบ่งหน้าที่กันทำ น.ส.สุภาพ ดำดิน และนายพิสิฐ เสริมทรง เป็นผู้จัดหาซื้อทองรูปพรรณปลอมมาจากนายโจ ไม่ทราบชื่อสกุลจริงในพื้นที่กทม. ราคาบาทละ 12,000 บาท หลังจากนั้น แบ่งทองให้ลูกทีมนำทองปลอมไปจำนำยังร้านต่างๆ ก่อนลงมือก่อเหตุ นายพิสิษฐ จะเป็นคนขับรถตะเวนหาร้านทองเป้าหมายเมื่อเจอร้านเป้าหมายก็ให้ลูกทีมนำทองเข้าไปจำนำ
เมื่อได้เงินจากการขายฝากจะนำเงินมามอบให้แก่ น.ส.สุภาพ เป็นผู้เก็บไว้ และหลังจากนั้นจะนำเงินที่ได้จากการขายฝากมาแบ่งกัน โดยผู้ที่เอาทองรูปพรรณปลอมลงไปขายจะได้ส่วนแบ่งจากน้ำหนักทองคำ 1 บาท ได้ส่วนแบ่ง 1,000 บาท ซึ่งตั้งแต่วันที่ 31 พ.ค.-3 มิ.ย.60 กลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 6 คน ได้ร่วมกันก่อเหตุนำทองไปจำนำที่ร้านทอง ห้างทองทิพย์ สาขา 3 ถ.พระบารมี ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จำนวนเงินที่ได้ 70,000 บาท
ร้านทองห้างทองทิพย์ สาขา 2 ถ.พังงา ต.ตลาดใหญ่ อ.เมืองภูเก็ต จำนวนเงิน 51,000 บาท ร้านทองห้างทองทิพย์ สาขา 1 ถนนมนตรี ต.ตลาดใหญ่ อ.เมืองภูเก็ต จำนวนเงิน 51,000 บาท ห้างทองใบหยกเจมส์ ต.กมลา อ.กะทู้ ห้างทองกมลา ต.กมลา อ.กะทู้ จำนวนเงิน 32,000 บาท และห้างทองในเขตพื้นที่ ต.ฉลอง จำนวนเงินที่ได้ 34,000 บาท รวมเงินที่ได้จากการก่อเหตุทั้งหมด ประมาณ 270,000 บาท
ทั้งนี้ จากการสอบสวนขยายผลเพิ่มเติมทราบว่า ตั้งแต่วันที่ 6 เม.ย.-27 พ.ค.ยังมีผู้ต้องหาที่มาก่อเหตุอีก 3 คน คือ น.ส.อุไรวรรณ สะเอียบคง อายุ 41 ปี ชาว จ.นครราชสีมา นายวัชรบดินทร์ วัชโรสินทร์ อายุ 23 ปี ชาว จ.สกลนคร และนายอานนท์ ปินวงศ์วาน อายุ 42 ปี กรุงเทพฯ ได้ก่อเหตุในลักษณะเดียวกันนี้จำนวนหลายครั้ง เช่น ร้านทองห้างทองทิพย์ สาขา 1 ถ.มนตรี ต.ตลาดใหญ่ อ.เมืองภูเก็ต จำนวน 26 ครั้ง รวมเป็นเงินที่ได้จากการขายฝาก 1,311,500 บาท
ที่ร้านทองห้างทองทิพย์ สาขา 2 ถ.พังงา ต.ตลาดใหญ่ อ.เมืองภูเก็ต จำนวน 22 ครั้ง รวมเป็นเงินที่ได้รับจากการขายฝาก 1,293,000 บาท และที่ร้านทองห้างทองทิพย์ สาขา 3 ถ.พระบารมี ต.ป่าตอง อ.กะทู้ รวมเป็นเงินที่ได้รับจากการขายฝากประมาณ 800,000 บาท รวมเงินที่ได้จากการก่อเหตุทั้งหมดประมาณ 3,674,500 บาท
อย่างไรก็ตาม ทางพนักงานสอบสวน สภ.เมืองภูเก็ต ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 6 คนส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองภูเก็ตดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป นอกจากนั้น ทราบว่า น.ส.อุไรวรรณ สะเอียบคง อายุ 41 ปี ชาว จ.นครราชสีมา ได้ถูกจับกุมแล้วที่ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ส่วนที่เหลืออีก 2 คน ยังจับกุมไม่ได้
เมื่อเวลา 09.10 น. วันนี้ (5 มิ.ย.) ที่ห้องประชุม สถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต พ.ต.อ.พีรยุทธ การะเจดีย์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต รักษาราชการแทน ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต พร้อมด้วย พ.ต.อ.เสริมพันธ์ ศิริคง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พ.ต.อ.อกนิษฐ์ ด่านพิทักษ์ศาสตร์ ผกก.กก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ร่วมสอบปากคำผู้ต้องหาที่ก่อเหตุนำทองปลอมมาจำนำ จำนวน 6 คน ตามหมายจับของศาลจังหวัดภูเก็ต คดีร่วมกันฉ้อโกง ซึ่งได้นำทองปลอมมาจำนำตามร้านทองในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ตั้งแต่เดือน เม.ย.-ต้นเดือน มิ.ย.60
สำหรับผู้ต้องหาประกอบด้วย 1.นายบุญเทียร ขอนสงเคราะห์ อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 161 ม.7 ต.ธาตุทอง อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ 2.น.ส.สุภาพ ดำดิน อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 188 ม.7 ต.เวียงคำ อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี 3.นายพิสิฐ เสริมทรง อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 123 ม.2 ต.กุดจับ อ.กุดจับ จ.อุดรธานี 4.น.ส.คนึงรัตน์ หาญกำแพง อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 115 ม.5 ต.นาโพธิ์ อ.กุดรัง จ.มหาสารคาม และ 5.น.ส.ประคอง รัตนประทุม อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 161 ม.7 ต.ธาตุทอง อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ
โดยทั้ง 5 คน ถูกจับกุมได้เมื่อวันที่ 3 มิ.ย.ที่ผ่านมา ที่ด่านตรวจท่าฉัตรไชย หรือด่านตรวจภูเก็ต พร้อมด้วยของกลางรถยนต์กระบะยี่ห้อฟอร์ด สีดำ ทะเบียน 5 กฎ4701 กรุงเทพมหานคร จำนวน 1 คัน เงินสด จำนวน 115,000 บาท สร้อยคอคล้ายทองคำ จำนวน 2 เส้น แหวนคล้ายทองคำ จำนวน 2 วง พระเครื่องหุ้มกรอบคล้ายทองคำ จำนวน 1 องค์ และเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋าที่สวมใส่ในวันก่อเหตุ จำนวน 26 รายการ
อย่างไรก็ตาม ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 5 ราย ได้มีผู้ต้องหาอีกจำนวนหนึ่งที่ยังตระเวนเอาทองปลอมไปจำนำตามร้านทองในพื้นที่กมลา หลบหนีไปได้ จนกระทั่งเมื่อช่วงเที่ยววันที่ 4 มิ.ย.เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ป่าตอง สามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาแก๊งจำนำทองปลอมได้อีก 1 คน คือ นายอาทิตย์ กองจร อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 345/43 ม.14 ต.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น
โดยจับกุมได้ขณะที่ นายอาทิตย์ กำลังเดินเข้าไปขอชาร์จแบตโทรศัพท์มือถือที่สถานีตรวจ เนื่องจากแบตหมด ทำให้ไม่สามารถติดต่อเพื่อนร่วมแก๊งได้ แต่ขณะนั้นผู้เสียหายซึ่งเคยถูกนายอาทิตย์ นำทองปลอมไปจำนำอยู่ที่สถานีตำรวจเพื่อแจ้งความในคดีอื่น เห็นและจำได้จึงชี้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม
ขณะที่ พ.ต.อ.พีรยุทธ การะเจดีย์ รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต กล่าวว่า สำหรับการจับกุมในครั้งนี้ สืบเนื่องจากตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา คือ ตั้งแต่เดือน เม.ย.-ต้นเดือน มิ.ย.ทางตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ได้รับแจ้งจากเจ้าของร้านทองหลายแห่งในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ว่า ได้มีคนร้ายนำทองปลอมมาจำนำขายฝากไว้กับร้านทอง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการสืบสวนตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ ทราบว่า คนร้ายที่ก่อเหตุน่าจะเป็นกลุ่มเดียวกัน ซึ่งออกตระเวนก่อเหตุในหลายจังหวัด รวมทั้งพื้นที่ อ.เมืองภูเก็ต และพื้นที่ใกล้เคียง
จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 6 คน ให้การรับสารภาพ ว่า ได้ร่วมกันก่อเหตุนำทองปลอมมาตระเวนจำนำในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต จริง โดยวันที่ 30 พ.ค.60 ผู้ต้องหาทั้ง 6 คน ได้มารวมตัวกันที่กรุงเทพฯ และเดินทางมายังจังหวัดภูเก็ต กับรถยนต์กระบะยี่ห้อฟอร์ด สีดำ ทะเบียน 5 กฎ 4701 กรุงเทพ มีนายพิสิฐ เสริมทรง เป็นผู้ขับขี่
โดยทั้งหมดเดินทางถึงภูเก็ตเมื่อวันที่ 31 พ.ค.ในเวลาประมาณ 12.00 น. และได้ตระเวนนำทองปลอมไปจำนำตามร้านต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต โดยจะแบ่งหน้าที่กันทำ น.ส.สุภาพ ดำดิน และนายพิสิฐ เสริมทรง เป็นผู้จัดหาซื้อทองรูปพรรณปลอมมาจากนายโจ ไม่ทราบชื่อสกุลจริงในพื้นที่กทม. ราคาบาทละ 12,000 บาท หลังจากนั้น แบ่งทองให้ลูกทีมนำทองปลอมไปจำนำยังร้านต่างๆ ก่อนลงมือก่อเหตุ นายพิสิษฐ จะเป็นคนขับรถตะเวนหาร้านทองเป้าหมายเมื่อเจอร้านเป้าหมายก็ให้ลูกทีมนำทองเข้าไปจำนำ
เมื่อได้เงินจากการขายฝากจะนำเงินมามอบให้แก่ น.ส.สุภาพ เป็นผู้เก็บไว้ และหลังจากนั้นจะนำเงินที่ได้จากการขายฝากมาแบ่งกัน โดยผู้ที่เอาทองรูปพรรณปลอมลงไปขายจะได้ส่วนแบ่งจากน้ำหนักทองคำ 1 บาท ได้ส่วนแบ่ง 1,000 บาท ซึ่งตั้งแต่วันที่ 31 พ.ค.-3 มิ.ย.60 กลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 6 คน ได้ร่วมกันก่อเหตุนำทองไปจำนำที่ร้านทอง ห้างทองทิพย์ สาขา 3 ถ.พระบารมี ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จำนวนเงินที่ได้ 70,000 บาท
ร้านทองห้างทองทิพย์ สาขา 2 ถ.พังงา ต.ตลาดใหญ่ อ.เมืองภูเก็ต จำนวนเงิน 51,000 บาท ร้านทองห้างทองทิพย์ สาขา 1 ถนนมนตรี ต.ตลาดใหญ่ อ.เมืองภูเก็ต จำนวนเงิน 51,000 บาท ห้างทองใบหยกเจมส์ ต.กมลา อ.กะทู้ ห้างทองกมลา ต.กมลา อ.กะทู้ จำนวนเงิน 32,000 บาท และห้างทองในเขตพื้นที่ ต.ฉลอง จำนวนเงินที่ได้ 34,000 บาท รวมเงินที่ได้จากการก่อเหตุทั้งหมด ประมาณ 270,000 บาท
ทั้งนี้ จากการสอบสวนขยายผลเพิ่มเติมทราบว่า ตั้งแต่วันที่ 6 เม.ย.-27 พ.ค.ยังมีผู้ต้องหาที่มาก่อเหตุอีก 3 คน คือ น.ส.อุไรวรรณ สะเอียบคง อายุ 41 ปี ชาว จ.นครราชสีมา นายวัชรบดินทร์ วัชโรสินทร์ อายุ 23 ปี ชาว จ.สกลนคร และนายอานนท์ ปินวงศ์วาน อายุ 42 ปี กรุงเทพฯ ได้ก่อเหตุในลักษณะเดียวกันนี้จำนวนหลายครั้ง เช่น ร้านทองห้างทองทิพย์ สาขา 1 ถ.มนตรี ต.ตลาดใหญ่ อ.เมืองภูเก็ต จำนวน 26 ครั้ง รวมเป็นเงินที่ได้จากการขายฝาก 1,311,500 บาท
ที่ร้านทองห้างทองทิพย์ สาขา 2 ถ.พังงา ต.ตลาดใหญ่ อ.เมืองภูเก็ต จำนวน 22 ครั้ง รวมเป็นเงินที่ได้รับจากการขายฝาก 1,293,000 บาท และที่ร้านทองห้างทองทิพย์ สาขา 3 ถ.พระบารมี ต.ป่าตอง อ.กะทู้ รวมเป็นเงินที่ได้รับจากการขายฝากประมาณ 800,000 บาท รวมเงินที่ได้จากการก่อเหตุทั้งหมดประมาณ 3,674,500 บาท
อย่างไรก็ตาม ทางพนักงานสอบสวน สภ.เมืองภูเก็ต ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 6 คนส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองภูเก็ตดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป นอกจากนั้น ทราบว่า น.ส.อุไรวรรณ สะเอียบคง อายุ 41 ปี ชาว จ.นครราชสีมา ได้ถูกจับกุมแล้วที่ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ส่วนที่เหลืออีก 2 คน ยังจับกุมไม่ได้