นครศรีธรรมราช - “วิทยา แก้วภราดัย” เรียกร้องนายกรัฐมนตรี เร่งปฏิรูปตำรวจ และจับตาการซื้อตำแหน่งสารวัตรกว่า 2 ล้าน ดักทางตำแหน่ง ผกก. รอง ผบก. ตร.ภ.8 ว่างอื้อ พร้อมจี้เร่งรัดวาระการดำรงตำแหน่งกำนันเหลือ 5 ปี หลังมหาดไทย ส่อดอง แนะอย่าหวงเครื่องมือกลไกอำนาจ เน้นรับฟังข้อมูลจากประชาชน
วันนี้ (4 มิ.ย.) ที่ จ.นครศรีธรรมราช นายวิทยา แก้วภราดัย อดีต สปท.และอดีตแกนนำ กปปส. ระบุว่า ขอให้ประชาชนคอยติดตามคำสั่งแต่งตั้งตำรวจในระดับสารวัตร รองผู้กำกับการ ผู้กำกับการ และรองผู้บังคับการ ที่กำลังจะมีขึ้นในอีก 2-3 วันนี้ ให้ดูว่าผลจะเป็นอย่างไร จนวันนี้ระดับสารวัตรยังพูดกันว่า มีการซื้อกันถึง 2 ล้านบาท ที่จะต้องดูตัวอย่างคือ ในภูธรภาค 8 มีตำแหน่ง ผกก.ว่าง 26 ตำแหน่ง หากมีการปฏิรูปแล้วตำรวจอยู่ในแต่ละจังหวัด ตำรวจแต่ละจังหวัดสามารถขึ้นครองตำแหน่งได้อย่างจริงจัง รองผู้บังคับการว่าง 12 ตำแหน่ง 26 ตำแหน่ง ผู้กำกับการจับตาดูว่าตำรวจภูธรภาค 8 จะได้ตำแหน่งสักกี่คน
ส่วนที่เหลือบินข้ามมาจากไหนมากินตำแหน่งแล้วย้ายกลับจะมีสักกี่คน รองผู้บังคับการ 12 ตำแหน่ง จะมีนายตำรวจในภาค 8 ได้ตำแหน่งสักกี่คน จะมีนักวิ่งเต้นกระโดดข้ามภาคมากินตำแหน่งสักกี่คน ไม่นับสารวัตร อยากให้นายกรัฐมนตรี ลองติดตามดูว่าคำสั่งที่จะออกจะมีคนข้ามมากินตำแหน่งกี่คน
“ถ้าสภาพตำรวจยังต้องทำงานหาเงินไปวิ่งเต้นเอาตำแหน่ง แน่นอนว่าประชาชนฝากความหวังไม่ได้ และนากยกรัฐมนตรี ควรเร่งผลักดันตามแนวความคิดคือ การผลักดันโยกให้ตำรวจมาขึ้นกับจังหวัด เติบโตในจังหวัดของตัวเอง ประชาชนเป็นคนตรวจสอบ ถ้าปล่อยให้ตำรวจประเภทมือวิ่งเทวดา นักวิ่งเต้นจ่ายเงิน กระโดดข้ามหัวเพื่อนในแต่ละจังหวัดเป็นแบบนี้ได้ตำแหน่งแล้ววิ่งเต้นย้ายกลับไป กระโดดมาจากกรุงเทพฯ มากินตำแหน่งในภาค 8 แล้ววิ่งเต้นกลับไป คนทำงานในพื้นที่จะไม่มีกำลังใจ ดีที่สุดคือ การเร่งปฏิรูปตำรวจ” อดีต สปท.กล่าว.
นอกจากนี้ นายวิทยา แก้วภราดัย อดีต สปท. ยังได้ระบุถึงข้อเสนอการเข้าสู่ตำแหน่ง และวาระการดำรงตำแหน่งของกำนัน และการประเมินการดำรงตำแหน่งของผู้ใหญ่บ้าน ล่าสุดนั้นทราบว่านายกรัฐมนตรี ได้มีบัญชาให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทำหนังสือไป 2 ส่วน คือ คณะกรรมการปฏิรูปและขับเคลื่อนการบริหารราชการแผ่นดินคณะที่ 3 ซึ่งมี นายวิษณุ เครืองาม เป็นผู้ดูแล และอีกฉบับคือ กระทรวงมหาดไทย เพื่อให้เร่งรัดขับเคลื่อนที่สภา สปท.ได้เสนอไป หนังสือฉบับนี้ออกไปจากสำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ 23 พฤษภาคมที่ผ่านมา เรื่องนี้ไปค้างอยู่ 2 ที่ คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และคณะกรรมการที่นายวิษณุ เป็นประธาน
นายวิทยา กล่าวว่า เท่าที่ได้ติดตามรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน และจากอดีต ส.ส.ทุกพรรคการเมือง ร้อยละ 90 เห็นชอบที่จะให้ออกกฎหมายฉบับนี้ ดังนั้น จะทำให้ผู้ที่ดำรงตำแหน่งกำนันมาครบ 5 ปีแล้วจะครบวาระ เมื่อครบกำนันจะกลับสู่ตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน และสามารถกลับมาสู่กำนันได้อีกโดยการเลือกตั้งของประชาชน ซึ่งจะดำรงตำแหน่งได้อีกคราวละ 5 ปี ส่วนผู้ใหญ่บ้านจะดำรงตำแหน่งต่อไปจนอายุครบ 60 ปี แต่จะมีการประเมินการทำงานทุก 3 ปี การประเมินจะต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วมด้วย เมื่อครบ 60 ปีแล้ว สามารถลงสมัครเป็นผู้ใหญ่บ้านได้อีก แต่จะมีวาระคราวละ 5 ปี เลือกผู้ใหญ่บ้าน 2-3 วันที่ผ่านมา หมู่บ้านเดียวหมดถึง 2-3 ล้านบาท หัวละ 500 บาท ถ้าเป็นแบบนี้ธรรมาภิบาลก็หมดความสำคัญ
“สำหรับกระทรวงมหาดไทย ผมเจอแบบนี้มาทุกยุคสมัย แม้แต่เมื่อครั้งที่เป็นรัฐบาล รู้สึกว่ากำนัน ผู้ใหญ่บ้านเป็นคนของตัวเอง ต้องมีหน้าที่สยายปีกปกป้อง อันที่จริงแล้วกำนัน ผู้ใหญ่บ้านนี่คือคนของประชาชน เขาต้องเป็นคนตัดสินว่ากำนันมีที่มาอย่างไร บอกเลยว่าถ้ารัฐมนตรีมหาดไทย ฟังประชาชน ถ้าไม่เชื่อให้ไปทำโพลสอบถาม เชื่อแน่นอนว่าประชาชนจะให้กำนันดำรงตำแหน่งคราวละไม่เกิน 5 ปี” นายวิทยา กล่าว
