ยะลา - ตามหา ปะดอ มะดอ สองสามีภรรยาพิการเร่ขายของ คู่กรณีตำรวจ สภ.โกตาบารู หลังถูกเรียกตรวจเสียค่าปรับคาด่าน เผยยังดำเนินชีวิตปกติ เร่ขายสินค้าใกล้หมด แต่กลัวจะถูกตำรวจจับอีก
วันนี้ (1 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากรณีที่มีสองสามีภรรยาซึ่งพิการทั้งคู่ โดยผู้เป็นสามีพิการตาบอด ส่วนภรรยาพิการแขนขา โดยใช้รถตู้เป็นร้านค้าประกอบอาชีพเร่ขายสินค้าตามหมู่บ้านและตามตลาดนัดในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และเกิดกรณีถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โกตาบารู อ.รามัน จ.ยะลา ได้เรียกตรวจขณะผ่านด่านตรวจในพื้นที่ จนถูกทางเจ้าหน้าที่จับกุมพร้อมให้เสียค่าปรับเป็นเงิน 3,000 บาท ซึ่งเรื่องราวดังกล่าวนั้นถูกโพสต์ลงเฟซบุ๊ก จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์แก่ผู้ที่ได้พบเห็นถึงพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ไม่ให้ความเห็นอกเห็นใจแก่สองสามีผู้พิการที่ประกอบอาชีพสุจริต
จากนั้น ทั้งสองสามีภรรยาก็พาไปดูรถตู้ที่ใช้บรรทุกสินค้ามาขาย เป็นรถตู้สภาพกลางเก่าที่ภายในมีสิ่งของสินค้าที่ซื้อมาหลายรายการ โดยทางสามีแม้ว่าจะพิการตาบอด แต่จะเป็นผู้ที่ดูแลภรรยา จะอุ้มภรรยาขึ้นรถเข็นทุกครั้งเพื่อขึ้นรถตู้ โดยทางภรรยาก็จะเป็นผู้ที่ขายสินค้า และจะเป็นหูเป็นตาแทนสามี
โดยล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ อ.บันนังสตา จ.ยะลา เพื่อหาตัว ปะดอ และมะดอ สองสามีภรรยาผู้พิการ ซึ่งทราบว่า ยังคงอยู่ในพื้นที่ และยังคงเร่ขายของตามปกติ โดยได้ประสานผ่านทาง น.ส.นูรีซัน เจ๊ะแวกูนิง บัณฑิตอาสาประจำหมู่บ้าน และเป็นเจ้าของเฟซบุ๊กที่ได้แชร์เรื่องราวดังกล่าว จนเป็นที่ฮือฮา ซึ่งเมื่อเดินทางไปพบ น.ส.นูรีซัน ที่บ้าน ใน ต.เขื่อนบางลาง อ.บันนังสตา จ.ยะลา ก็ทราบว่า ปะดอ และมะดิอ สองสามีภรรยาได้ไปอาศัยอยู่ที่บ้านคนรู้จักภายใน ต.บาเจาะ อ.บันนังสตา จ.ยะลา ทางผู้สื่อข่าวจึงได้ประสานขอให้ น.ส.นูรีซัน พาไปพบกับสามีภรรยาทั้งสองคน
ซึ่งเมื่อไปถึงที่บ้านของคนรู้จัก ภายในหมู่บ้านตันหยงดาลอ ต.เขื่อนบางลาง อ.บันนังสตา จ.ยะลา ก็ได้พบกับ ปะดอ ซึ่งมีชื่อจริงว่า นายพาอูยี สะมะแอ อายุ 45 ปี เป็นชาว อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ผู้เป็นสามี และ มะดอ หรือนางดอรีเยาะ บีราเซ็ง อายุ 53 ปี ภรรยา ซึ่งเป็นชาว อ.ตันหยงมัส จ.นราธิวาส โดยในวันนี้ทั้งสามี และภรรยาทั้งสองคนไม่ได้ออกไปขายของ เพราะสินค้าใกล้จะหมด และกำลังที่จะติดต่อไปรับสินค้ามาขายอีก แต่ระบุว่ายังคงกังวลใจกลัวที่จะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกจับอีก
ซึ่งจากการสอบถาม ปะดอ หรือนายพาอูยี ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนั้นก็ทราบว่า ขณะที่เกิดเหตุนั้นอยู่ในช่วงเวลาประมาณตี 2 ของวันที่ 18 พ.ค.2560 ซึ่งตนเอ งและภรรยา พร้อมด้วยคนขับรถที่เป็นคนรู้จัก และขอช่วยขับรถให้ ได้เดินทางกลับจาก จ.นราธิวาส หลังจากที่ได้ไปซื้อสินค้าจำพวกผงซักฟอก สบู่ น้ำยาล้างจาน โลชั่น และหัวแก๊สหุงต้ม เพื่อนำมาขาย แต่เมื่อมาถึงเขตพื้นที่ สภ.โกตาบารู ขณะขับผ่านด่านได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจขับรถจักรยานยนต์ติดตามมา และเรียกให้จอดเพื่อขอตรวจค้น
จนล่าสุด ทราบว่า ทาง พล.ต.ต.กฤษฎา แก้วจันดี ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา ได้มีคำสั่งย้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ในคดีดังกล่าวจำนวน 4 นาย ประกอบด้วย 1.ด.ต.ถันถวัช ดำด้วงโรม 2.ส.ต.ต.สิทธิราช แขกเพ็ง 3.ส.ต.ต.นิฮาริพ มะมิง และ 4.ส.ต.ต.ธีระ กอเจริญเกียรติ โดยให้ทั้งหมดไปปฏิบัติหน้าที่ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา เป็นการชั่วคราว พร้อมทั้งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงตำรวจทั้ง 4 นาย นอกจากนี้ ยังได้เรียก พ.ต.อ.ปัญญา คารวานันทร์ สภ.โกตาบารู อ.รามัน จ.ยะลา ในฐานะผู้บังคับบัญชาของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 4 นาย เข้าสอบถามข้อเท็จจริง
จากนั้น จึงพบว่ามีสินค้าอยู่ภายในรถ จึงแจ้งให้ไปเจรจากันที่ สภ.โกตาบารู ตนเองจึงได้ไป โดยทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่า จะต้องเสียค่าปรับเป็นเงิน จำนวน 5,000 บาท พร้อมกับเขียนใบสั่งมาให้ตนเองดู แต่ตนเองบอกเจ้าหน้าที่ตำรวจไปว่า มีเงินไม่พอ ตอนนั้นมีเงินติดตัวอยู่ร้อยกว่าบาท เนื่องจากซื้อของไปหมดแล้ว จึงได้พูดคุยกับคนขับรถขอยืมเงินมา 1 พันกว่าบาท และได้เงินจากที่ขายของอยู่บ้างรวบรวมเงินได้ 3,000 บาท ก็ได้ต่อรองกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็บอกว่า ไม่ได้ต้อง 5,000 บาท หรือจะไปขึ้นศาลถูกปรับเป็นเงินหลายหมื่น ตนเองก็บอกว่าถ้าไม่เอาเงิน 3,000 บาท ก็ไปขึ้นศาลได้ตนยินยอม ทางเจ้าหน้าที่จึงได้รับเงิน จำนวน 3,000 บาทไป พร้อมกับเอาใบสั่งคืนไปด้วย
ซึ่งขณะนี้ตนเอง และภรรยาก็ยังขายของตามปกติ แต่สินค้าใกล้จะหมดแล้ว ก็คิดที่จะไปซื้อมาเพื่อเร่ขายอีก แต่ก็ยังกังวลใจกลัวว่า จะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกจับอีก ทั้งนี้ สินค้าที่ตนเองและภรรยาไปซื้อมาจากฝั่งประเทศมาเลเซียนั้น ตอนนำผ่านด่านก็เสียค่านำสินค้าผ่านด่านที่ด่านตรวจ ตม.ทุกครั้ง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่เองก็มีความเห็นใจว่าเป็นผู้พิการขยันทำมาหากิน
ทางด้าน น.ส.นูรีซัน เจ๊ะแวกูนิง บัณฑิตอาสา ประจำหมู่บ้านสนามบิน ต.เขื่อนบางลาง อ.บันนังสตา จ.ยะลา ซึ่งเป็นผู้ที่ นายพาอูยี หรือปะดอ ขอช่วยให้นำเรื่องราวโพสต์ลงเฟซบุ๊ก เพื่อขอความเห็นใจก็เล่าให้ฟังว่า วันนั้นหลังเกิดเหตุ และตนเองก็มาพบกะ ปะดอ และมะดอ ซึ่งกำลังขายของอยู่ ทางปะดอ และมะดอ ก็เล่าเรื่องราวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟัง พร้อมขอช่วยให้โพสต์ลงเฟซบุ๊กของตนเอง ซึ่งตนเองก็ลงรายละเอียดตามที่ได้รับฟัง และเกิดความเห็นใจทั้งสองคน ที่เป็นผู้พิการแต่ขยันทำมาหากินประกอบอาชีพสุจริต ซึ่งภายหลังทาง พ.ต.อ.ปัญญา คารวานันทร์ สภ.โกตาบารู อ.รามัน จ.ยะลา ซึ่งทราบเรื่องดังกล่าว ก็เดินทางมาพบกับสองสามีภรรยา และขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ขณะที่ นายอับดุลเลาะ เจ๊ะแวกูนิง ชาวบ้าน ต.เขื่อนบางลาง เล่าให้ฟังว่า สามีภรรยาทั้งสองคน ไม่มีญาติพี่น้องที่นี่ แต่ตระเวนเร่ร่อนขายสินค้ากับรถตู้ที่มีอยู่ โดยขอชาวบ้านในพื้นที่ที่รู้จักกันช่วยขับรถให้พาขายในพื้นที่ต่างๆ ทั้งสองคนเป็นคนขยัน มักมาอาศัยนอนที่มัสยิด หรือตามบ้าน คนรู้จักเป็นประจำ และก็มาอยู่ที่ อ.บันนังสตา ประมาณ 3 เดือนแล้ว ก็ขอความเห็นใจหากใครพบเห็นสามีภรรยาทั้งสองคนก็ช่วยอุดหนุนซื้อสินค้าหน่อย เพราะเขาทำมาหากินสุจริต และมีความขยัน
ทั้งนี้ เรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้นกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสื่อสังคมออนไลน์อย่างกว้างขวาง ซึ่งทางผู้ที่พบเห็น และคนที่รู้จักกับสองสามีภรรยาคนดังกล่าวก็ขอวอนให้มีความเห็นใจแก่ทั้งสองคนที่เป็นผู้พิการ แต่ไม่ได้นิ่งดูดาย ยังคงทำมาหากินประกอบอาชีพอย่างสุจริต เพื่อเลี้ยงชีพตัวเองในแต่ละวัน