สุราษฎร์ธานี - พิษน้ำป่าจากอุทยานแห่งชาติแก่งกรุง ไหลหลากกัดเซาะคอฝายน้ำล้นวัดปากหมากเสียหายหนัก ที่ดินของวัดหายไปจำนวนมาก ชาวบ้านหวั่นกุฏิพระ ศาลาวัดถล่มจมหาย ล่าสุด นายอำเภอไชยา พร้อม อบต.ปากหมาก นำชาวบ้านในพื้นที่กว่า 100 คน เร่งทำพนังกั้นน้ำเพื่อเปลี่ยนทางน้ำ
วันนี้ (21 ธ.ค.) จากกรณีมีฝนตกหนักติดต่อกันมาประมาณ 2 สัปดาห์ ส่งผลในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี มวลน้ำจำนวนมากไหลหลากจากเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกรุง ลงสู่คลองท่าไม้แดง ในพื้นที่ตำบลปากหมาก อำเภอไชยา ความรุนแรงของกระแสน้ำได้กัดเซาะคอฝายน้ำล้นวัดวิโรจนาราม หรือวัดปากหมาก หมู่ที่ 2 บ้านปากหมาก ตำบลปากหมาก ขาดทั้ง 2 ข้าง เป็นระยะทางข้างละกว่า 30 เมตร นอกจากนั้น ยังได้กัดเซาะที่ดินหายลึกไปกว่าง 30 เมตร และพังทลายอย่างต่อเนื่อง จนพระในวัดหวั่นเกรงว่าถ้าไม่ได้รับการแก้ไข กุฏิพระ และศาลาวัดอาจพังถล่มหายไปในลำคลอง
ล่าสุด นายเจริญศักดิ์ วงศ์สุวรรณ อำเภอไชยา พร้อมด้วย นายจักรพงษ์ สุขมี นายก อบต.ปากหมาก ได้นำรถแบ็กโฮ พร้อมผู้นำชุมชน และชาวบ้านกว่า 100 คน ร่วมมือร่วมใจกันใช้วัสดุในพื้นที่มาจัดทำพนังกั้นน้ำเพื่อจะดำเนินการปรับเปลี่ยนทางน้ำ โดยให้มวลน้ำไหลมาฝั่งตรงข้ามกับวัด กันดินพังถล่มเพื่อป้องกันรักษาพื้นที่วัดให้คงอยู่ต่อไป
นายอำเภอไชยา กล่าวถึงความเสียหายจากน้ำท่วมในพื้นไชยาในเบื้องต้นว่า ขณะนี้ฝนได้ทิ้งช่วงหยุดตกสภาพน้ำท่วมได้คลี่คลายกลับสู่ภาวะปกติ และความเสียหายอยู่ในระยะฟื้นฟู โดยเฉพาะพื้นที่ตำบลปากหมาก มีคอสะพาน ฝายน้ำล้น ท่อระบายน้ำ ถนนภายในหมู่บ้านเสียหายหลายแห่ง ได้สั่งการให้ทาง อบต.ปากหมาก เข้าดำเนินการซ่อมแซมให้ประชาชนใช้เป็นการชั่วคราวไปก่อน หากส่วนไหนที่เกินกำลังของ อบต.ให้ทำเรื่องเสนอขึ้นมายังอำเภอ เพื่อดำเนินการของบประมาณจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เพื่อดำเนินการต่อไป ซึ่งต้องเป็นไปตามระเบียบกระทรวงการคลัง
ส่วนพืชผลทางการเกษตรขอให้ผู้ประสบภัยเร่งแจ้งข้อมูลแก่ทางเกษตรอำเภอเพื่อช่วยเหลือต่อไป และในช่วงนี้ที่น่าห่วงก็คือ เรื่องสุขภาพของผู้ประสบภัย ได้เร่งประสานทางสาธารณสุขให้ลงพื้นที่ช่วยประชาชนที่ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง หลังมีผู้เจ็บป่วยจากโรคไข้หวัดและโรคที่มากับน้ำ และขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยติดตามการพยากรณ์อากาศอย่างใกล้ชิดเนื่องจากกรมอุตุนิยมวิทยายังประกาศเตือนยังมีฝนตกในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง และขอให้มีการเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ฉุกเฉิน พร้อมจัดเก็บทรัพย์สินไว้ในที่ปลอดภัย
วันนี้ (21 ธ.ค.) จากกรณีมีฝนตกหนักติดต่อกันมาประมาณ 2 สัปดาห์ ส่งผลในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี มวลน้ำจำนวนมากไหลหลากจากเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกรุง ลงสู่คลองท่าไม้แดง ในพื้นที่ตำบลปากหมาก อำเภอไชยา ความรุนแรงของกระแสน้ำได้กัดเซาะคอฝายน้ำล้นวัดวิโรจนาราม หรือวัดปากหมาก หมู่ที่ 2 บ้านปากหมาก ตำบลปากหมาก ขาดทั้ง 2 ข้าง เป็นระยะทางข้างละกว่า 30 เมตร นอกจากนั้น ยังได้กัดเซาะที่ดินหายลึกไปกว่าง 30 เมตร และพังทลายอย่างต่อเนื่อง จนพระในวัดหวั่นเกรงว่าถ้าไม่ได้รับการแก้ไข กุฏิพระ และศาลาวัดอาจพังถล่มหายไปในลำคลอง
ล่าสุด นายเจริญศักดิ์ วงศ์สุวรรณ อำเภอไชยา พร้อมด้วย นายจักรพงษ์ สุขมี นายก อบต.ปากหมาก ได้นำรถแบ็กโฮ พร้อมผู้นำชุมชน และชาวบ้านกว่า 100 คน ร่วมมือร่วมใจกันใช้วัสดุในพื้นที่มาจัดทำพนังกั้นน้ำเพื่อจะดำเนินการปรับเปลี่ยนทางน้ำ โดยให้มวลน้ำไหลมาฝั่งตรงข้ามกับวัด กันดินพังถล่มเพื่อป้องกันรักษาพื้นที่วัดให้คงอยู่ต่อไป
นายอำเภอไชยา กล่าวถึงความเสียหายจากน้ำท่วมในพื้นไชยาในเบื้องต้นว่า ขณะนี้ฝนได้ทิ้งช่วงหยุดตกสภาพน้ำท่วมได้คลี่คลายกลับสู่ภาวะปกติ และความเสียหายอยู่ในระยะฟื้นฟู โดยเฉพาะพื้นที่ตำบลปากหมาก มีคอสะพาน ฝายน้ำล้น ท่อระบายน้ำ ถนนภายในหมู่บ้านเสียหายหลายแห่ง ได้สั่งการให้ทาง อบต.ปากหมาก เข้าดำเนินการซ่อมแซมให้ประชาชนใช้เป็นการชั่วคราวไปก่อน หากส่วนไหนที่เกินกำลังของ อบต.ให้ทำเรื่องเสนอขึ้นมายังอำเภอ เพื่อดำเนินการของบประมาณจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เพื่อดำเนินการต่อไป ซึ่งต้องเป็นไปตามระเบียบกระทรวงการคลัง
ส่วนพืชผลทางการเกษตรขอให้ผู้ประสบภัยเร่งแจ้งข้อมูลแก่ทางเกษตรอำเภอเพื่อช่วยเหลือต่อไป และในช่วงนี้ที่น่าห่วงก็คือ เรื่องสุขภาพของผู้ประสบภัย ได้เร่งประสานทางสาธารณสุขให้ลงพื้นที่ช่วยประชาชนที่ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง หลังมีผู้เจ็บป่วยจากโรคไข้หวัดและโรคที่มากับน้ำ และขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยติดตามการพยากรณ์อากาศอย่างใกล้ชิดเนื่องจากกรมอุตุนิยมวิทยายังประกาศเตือนยังมีฝนตกในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง และขอให้มีการเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ฉุกเฉิน พร้อมจัดเก็บทรัพย์สินไว้ในที่ปลอดภัย