สุราษฎร์ธานี - น้ำป่าจากเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกรุง จำนวนมากไหลหลากกัดเซาะสะพาน ฝายกั้นน้ำคลองไม้แดง และดินสไลด์ ปิดเส้นทาง 4 จุดในพื้นที่ ต.ปากหมาก อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี ประชาชนถูกตัดขาดโดยสิ้นเชิงกว่า 400 ครัวเรือน เจ้าหน้าที่เร่งเข้าช่วยเหลือแล้ว
เมื่อเวลา 10.30 น.วันนี้ (4 ธ.ค.) นายจักรพงศ์ มีสุข นายก อบต.ปากหมาก อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี ได้นำเจ้าหน้าที่เข้าสำรวจความเสียหายจากเหตุน้ำป่าจำนวนมากได้ไหลหลากมาจากเทือกเขาในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกรุง ลงคลองไม้แดง ซึ่งความแรงของกระแสน้ำได้กัดเซาะ สะพานข้ามคลองไม้แดง ที่เชื่อมต่อระหว่างบ้านลุ่ม หมู่ที่ 3 และบ้านพุยายชี หมู่ที่ 4 พังเสียหายหนัก รถทุกชนิดไม่สามารถผ่านได้ รวมทั้งฝายกั้นน้ำในบริเวณใกล้เคียงพังเสียหายเช่นเดียวกันซึ่งความแรงของกระแสน้ำได้เปลี่ยนเส้นทางเข้ากัดเซาะพื้นดินจนเกิดเป็นคลองเพิ่มขึ้น
ส่งผลให้ประชาชนในหมู่ 3 กว่า 400 ครัวเรือน ถูกตัดขาดโดยสิ้นเชิง นอกจากนั้น ดินที่อุ้มน้ำไม่ไหวได้สไลด์ไหลลงทับเส้นทางถนน และบ้านเรือนประชาชนบางส่วนในพื้นที่หมู่ที่ 7 จำนวน 4 แห่ง โดยเหตุเกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่งทาง อบต.ได้จัดส่งเครื่องจักรกลหนักเข้าตักดินที่ปิดทับถนนเพื่อเปิดเส้นทาง คาดว่าจะสามารถเปิดเส้นทางได้ในช่วงเย็นวันนี้ ส่วนสะพานขาดนั้นยังไม่สามารถดำเนินการได้ต้องรอสถานการณ์คลี่คลาย ในขณะเดียวกัน หลายพื้นที่ที่อยู่ติดชายฝั่งทะเลยังคงถูกน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร เนื่องจากเป็นพื้นที่รับน้ำถึงแม้ว่าฝนจะหยุดตกทิ้งช่วงก็ตาม
อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ฝนตกหนักครอบคลุมทั่วจังหวัดสุราษฎร์ธานี 2-3 วันนี้ เป็นเหตุให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากใน 14 อำเภอ 69 ตำบล 421 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน จำนวน 18,117 ครัวเรือน 44,675 คน เสียชีวิต 2 ราย สูญหาย 2 ราย บ้านพักอาศัยเสียหายบางส่วน 1,488 หลัง บ่อปลาเสียหาย 110 บ่อ ถนนชำรุดเสียหาย 129 สาย สะพาน/คอสะพานชำรุด 14 แห่ง ท่อระบายน้ำ 28 แห่ง ซึ่งขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าให้ความช่วยเหลือแล้ว ส่วนความเสียหายเพิ่มเติมอยู่ระหว่างการสำรวจ
เมื่อเวลา 10.30 น.วันนี้ (4 ธ.ค.) นายจักรพงศ์ มีสุข นายก อบต.ปากหมาก อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี ได้นำเจ้าหน้าที่เข้าสำรวจความเสียหายจากเหตุน้ำป่าจำนวนมากได้ไหลหลากมาจากเทือกเขาในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกรุง ลงคลองไม้แดง ซึ่งความแรงของกระแสน้ำได้กัดเซาะ สะพานข้ามคลองไม้แดง ที่เชื่อมต่อระหว่างบ้านลุ่ม หมู่ที่ 3 และบ้านพุยายชี หมู่ที่ 4 พังเสียหายหนัก รถทุกชนิดไม่สามารถผ่านได้ รวมทั้งฝายกั้นน้ำในบริเวณใกล้เคียงพังเสียหายเช่นเดียวกันซึ่งความแรงของกระแสน้ำได้เปลี่ยนเส้นทางเข้ากัดเซาะพื้นดินจนเกิดเป็นคลองเพิ่มขึ้น
ส่งผลให้ประชาชนในหมู่ 3 กว่า 400 ครัวเรือน ถูกตัดขาดโดยสิ้นเชิง นอกจากนั้น ดินที่อุ้มน้ำไม่ไหวได้สไลด์ไหลลงทับเส้นทางถนน และบ้านเรือนประชาชนบางส่วนในพื้นที่หมู่ที่ 7 จำนวน 4 แห่ง โดยเหตุเกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่งทาง อบต.ได้จัดส่งเครื่องจักรกลหนักเข้าตักดินที่ปิดทับถนนเพื่อเปิดเส้นทาง คาดว่าจะสามารถเปิดเส้นทางได้ในช่วงเย็นวันนี้ ส่วนสะพานขาดนั้นยังไม่สามารถดำเนินการได้ต้องรอสถานการณ์คลี่คลาย ในขณะเดียวกัน หลายพื้นที่ที่อยู่ติดชายฝั่งทะเลยังคงถูกน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร เนื่องจากเป็นพื้นที่รับน้ำถึงแม้ว่าฝนจะหยุดตกทิ้งช่วงก็ตาม
อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ฝนตกหนักครอบคลุมทั่วจังหวัดสุราษฎร์ธานี 2-3 วันนี้ เป็นเหตุให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากใน 14 อำเภอ 69 ตำบล 421 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน จำนวน 18,117 ครัวเรือน 44,675 คน เสียชีวิต 2 ราย สูญหาย 2 ราย บ้านพักอาศัยเสียหายบางส่วน 1,488 หลัง บ่อปลาเสียหาย 110 บ่อ ถนนชำรุดเสียหาย 129 สาย สะพาน/คอสะพานชำรุด 14 แห่ง ท่อระบายน้ำ 28 แห่ง ซึ่งขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าให้ความช่วยเหลือแล้ว ส่วนความเสียหายเพิ่มเติมอยู่ระหว่างการสำรวจ
