xs
xsm
sm
md
lg

ยังน่าห่วง! ผู้ว่าฯ สุราษฎร์ธานีตรวจพื้นที่ดินสไลด์ ฝากติดตามพยากรณ์อากาศใกล้ชิด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


สุราษฎร์ธานี - ผู้ว่าฯ สุราษฎร์ธานี รุดตรวจพื้นที่ดินสไลด์ สะพานขาด ฝายพัง พร้อมขอให้ประชาชนติดตามการพยากรณ์อากาศอย่างใกล้ชิด และเตรียมเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกว่า 1 หมื่นคน เตรียมรับสถานการณ์ฉุกเฉิน ในขณะที่ อบต.สั่งอพยพประชาชนในจุดเสี่ยง แต่ชาวบ้านยังไม่ยินยอมออกเหตุเป็นห่วงทรัพย์สิน

เมื่อเวลา 13.30 น. (5 ธ.ค.) น้ำป่าจากเทือกเขาในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกรุง ไหลลงคลองท่าไม้แดง ความแรงของกระแสน้ำได้กัดเซาะสะพานข้ามคลองไม้แดง ที่เชื่อมต่อระหว่างบ้านลุ่ม หมู่ที่ 3 และบ้านพุยายชี หมู่ที่ 4 และฝ่ายน้ำล้นข้ามคลองท่าไม้แดง บ้านพุยายชี อีก 2 แห่ง ได้เสียหายหนัก รถทุกชนิดไม่สามารถผ่านได้ ส่งผลให้ประชาชนในหมู่ที่ 3 กว่า 400 ครัวเรือน ไม่สามารถใช้เส้นทางได้ ถูกตัดขาดโดยสิ้นเชิง ต้องอ้อมไปใช้เส้นทางอื่นที่มีระยะไกลหลายสิบกิโลเมตร นอกจากนี้ ดินที่อุ้มน้ำไม่ไหวได้สไลไหลลงทับเส้นทางถนน และบ้านเรือนประชาชนบางส่วนในพื้นที่หมู่ที่ 7 จำนวน 4 แห่ง เมื่อวานนี้ (4 ธ.ค.)

ล่าสุด เมื่อเวลา 13.00 น.วันนี้ (5 ธ.ค.) นายอวยชัย อินทร์นาค ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้นำหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และให้ความช่วย พร้อมเดินทางไปเยี่ยมปลอบขวัญ และให้กำใจแก่ประชาชนในพื้นที่ พร้อมทั้งครอบครัวของ นายกิติศักดิ์ ขุนแก้ว และนางชูชีพ ขุนแก้ว 2 สามีภรรยา ที่อาศัยอยู่บ้านซอยเวียงชัย 105/1 ม.7 ต.ปากหมาก ที่เกิดเหตุดินบริเวณบ้านได้สไลด์พังลงปิดทับถนน และเป็นจุดเสี่ยงที่ตัวบ้านพักอาศัยจะถล่มตามลงมา ทาง อบต.ปากหมาก ได้ทำหนังสือขอความร่วมมือให้อพยพออกจากพื้นที่ก่อนเพื่อความปลอดภัย แต่ครอบครัว นายกิตติศักดิ์ ได้ระบุว่า ยังไม่สะดวกเนื่องจากครอบครัวตนมีลูกชายอายุ 18 ปี ที่พิการ และเป็นผู้ป่วยติดเตียงมานานกว่า 10 ปี หากเห็นว่าไม่ปลอดภัยจริงๆ จะเคลื่อนย้ายไปอยู่บ้านญาติที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน โดยในเบื้องต้น ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานีได้มอบเงินส่วนตัวช่วยเหลือแก่ครอบครองของ นายกิติศักดิ์ จำนวน 3,000 บาท พร้อมสั่งการให้เจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยเหลือดูแลผู้ป่วยต่อไป

พร้อมกันนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า มีพื้นที่ 7 อำเภอที่มีพื้นที่ติดชายทะเล และเป็นที่ราบลุ่มรับปริมาณน้ำก่อนไหลลงสู่ทะเล และพื้นที่ลาดชันเชิงเขาสูงเสี่ยงต่อดินโคลนถล่ม เนื่องจากยังมีปริมาณฝนตกในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ขอให้ประชาชนติดตามการพยากรณ์อากาศอย่างใกล้ชิด ในส่วนพื้นที่เสียหาย เช่น ถนน คอสะพานขาดชำรุดต้องรอสถานการณ์คลี่คลายจะเร่งดำเนินการซ่อมแซมต่อไป ส่วนที่ขาดหายโดยสิ้นเชิงขอให้ทางพื้นที่ดำเนินการตามขั้นตอนก่อสร้างใหม่ แต่ในเบื้องต้น ทางปกครองส่วนท้องถิ่นได้ส่งเครื่องจักรกลหนักเข้าช่วยเหลือเปิดทางให้ประชาชนใช้สัญจรได้แล้ว สำรับพื้นที่ตำบลปากหมาก สามารถวัดปริมาณน้ำสะสมตั้งแต่วันที่ 2-5 มีจำนวน 280 มิลลิเมตร ซึ่งขณะนี้มีปริมาณน้ำป่าจากเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกรุง ระลอกใหม่กำลังลังไหลลงสมทบปริมาณน้ำในพื้นที่เบื้องล่าง

ด้านนายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักจากฝนที่ตกหนักทำให้เส้นทางได้รับความเสียหายการเดินทางลำบาก ประกอบกับในช่วงนี้ที่มีฝนตกติดต่อกันมาหลายวันทำให้ไม่สามารถออกไปประกอบอาชีพหารายได้ตามปกติ ยางพาราก็กรีดไม่ได้ รายได้ไม่มีเข้ามา กลางคืนก็นอนไม่ค่อยจะหลับยังผวาเกี่ยวกับดินสไลด์ถล่ม ยามเมื่อเกิดเสียงดังต้องรีบลุกขึ้นมาดู แต่ยังไม่สามารถเคลื่อนย้ายหรืออพยพออกจากพื้นที่ได้

ทางสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.สุราษฎร์ธานี ได้สรุปรายงานว่า น้ำท่วมพื้นที่เสี่ยง 17 อำเภอ 96 ตำบล 607 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 27,601 ครัวเรือน 87,468 คน โดยมีผู้เสียชีวิต 3 ราย คือ 1.ด.ช.ณัฎธพล มานะจักร์ อายุ 6 ขวบ เสียชีวิตจากการจมน้ำ 2.นางอำพร ชูพรหมแก้ว อายุ 64 ปี เสียชีวิตจากคลื่นลมแรงขณะออกเรือลอบปูเรือล่มจมน้ำ 3.นายสุพงศ์ เสมาพัฒน์ อายุ 41 ปี เสียชีวิตจากการประสบกับคลื่นลมแรงขณะนำเรือลอบปูเรือล่มจมน้ำ และมีผู้สูญหาย 1 ราย คือ นายสุเทพ แอบมณี อายุ 55 ปี สูญหายขณะเรือประมงล่มประสบกับคลื่นลมแรงเมื่อวันที่ 3 ธ.ค.ที่ผ่านมา
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น