ตรัง - แกนนำชาวสวนยางภาคใต้ ไม่เห็นด้วยต่อมาตรการเทขายยางในสต๊อกกว่า 3 แสนตัน เพราะเป็นการบิดเบือนตลาด แถมยังทำให้ราคาตกวันเดียว 2-3 บาท แทนที่เกษตรกรได้ลืมตาอ้าปากบ้าง
วันนี้ (20 ธ.ค.) นายศักดิ์สฤษดิ์ ศรีประศาสตร์ แกนนำเกษตรกรชาวสวนยางภาคใต้ ไม่เห็นด้วยต่อมาตรการของการยางแห่งประเทศไทยล่าสุด ที่ออกมาประกาศขายยางในสต๊อก 3 แสนกว่าตัน รวมทั้งประสานไปยังสหกรณ์ชาวสวนยางให้รีบนำยางในสต๊อกออกมาเทขายในตลาดทั้งหมด จนส่งผลให้ราคายางที่เคยขยับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง กลับต้องมาสะดุด และลดลงในวันเดียว 2-3 บาท ซึ่งถือเป็นมาตรการที่ไม่เหมาะสม และเหมือนกับเป็นการทำไปเพื่อช่วยเหลือพ่อค้าคนกลางรายใหญ่ แทนที่จะเปิดโอกาสให้ชาวสวนยางที่ต่างประสบปัญหาวิกฤตราคายางตกต่ำมานานหลายปี ได้ลืมตาอ้าปากจากเม็ดเงินที่กำลังไหลเข้ามาในช่วงระยะนี้บ้าง
สำหรับสาเหตุที่ยางมีราคาพุ่งสูงขึ้นกว่าช่วงปกติกิโลกรัมละ 10-20 บาท ความจริงแล้วก็เป็นไปตามกลไกตลาด อันเนื่องมาจากนโยบายของรัฐบาลที่สนับสนุนให้มีการโค่นสวนยางเก่า 4-5 แสนไร่ ขณะที่เกษตรกรรายใหม่ก็หันไปปลูกพืชชนิดอื่นแทนยางกันมากขึ้น รวมทั้งยังเกิดมาจากการใช้ในประเทศที่ลดลง และสถานการณ์น้ำท่วมสวนยางในหลายพื้นที่ของภาคใต้ ซึ่งมิได้มีเหตุปัจจัยอื่นใดที่ทำให้ราคายางพุ่งสูงขึ้นจนผิดปกติ จนต้องนำมาตรการขายยางในสต๊อกมาใช้ เพราะนอกจากจะไม่ได้ช่วยอะไรมากนักแล้ว ยังส่งผลเสียต่อชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกรที่กำลังมีแนวโน้มสดใส แถมทำให้กลไกด้านราคาในท้องตลาดบิดเบือนด้วย
ส่วนกรณีที่มีผู้กังวลว่า ถ้าหากปล่อยให้ราคายางพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ เช่นนี้ จะส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมัน หรือสินค้าอื่นๆ ที่อาจพุ่งสูงขึ้นตามนั้น แกนนำเกษตรกรชาวสวนยางภาคใต้กลับมองว่า จะไม่เป็นเช่นนั้น เพราะทุกอย่างมีกลไกในตลาดควบคุมกันเองอยู่แล้ว และไม่ได้หมายความว่าเมื่อยางมีราคาสูงขึ้นแล้วทุกอย่างจะต้องสูงขึ้นตามเสมอไป โดยเฉพาะราคาสินค้าอื่นๆ ซึ่งรัฐบาลต้องมีมาตรการในการควบคุมอยู่แล้ว มิใช่ปล่อยให้ขึ้นลงตามใจชอบ หรือจู่ๆ ก็จะมาอ้างแค่เหตุเพราะราคายางพุ่งสูงขึ้นเท่านั้น ทั้งที่ปัญหาของราคาสินค้าเกษตรที่ผ่านมาก็คือ มีการพยายามเข้าไปแทรกแซง หรือบิดเบือนจนเกิดความเสียหายมากกว่า