xs
xsm
sm
md
lg

อุปสรรคในการดับไฟใต้อยู่ที่ “ความซื่อบื้อ” ของหน่วยงานความมั่นคง / ไชยยงค์ มณีพิลึก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

พล.อ.อักษรา เกิดผล (แฟ้มภาพ)
 
คอลัมน์  :  จุดคบไฟใต้
โดย...ไชยยงค์  มณีพิลึก 
--------------------------------------------------------------------------------
 
 
สถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่มีเหตุการณ์ร้ายใหญ่ๆ เกิดขึ้น มีเพียงเหตุ “ประปราย” ซึ่ง “ปะปน” กันไประหว่างเรื่อง “ส่วนตัว” และเรื่องของ “ความมั่นคง”
 
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เหตุการณ์จะค่อยดีขึ้นเรื่อยๆ เพราะจากการประมวล “ข่าวสาร” ของหน่วยข่าวในพื้นที่ และหน่วยงานความมั่นคง พบว่า มีความเคลื่อนไหวของขบวนการในพื้นที่ 3 จังหวัด คือ ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส และ 4 อำเภอของ จ.สงขลา คือ จะนะ เทพา นาทวี และสะบ้าย้อย เพื่อหาช่องทางในการก่อเหตุร้ายในห้วงเวลาของการ “ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่”
 
โดยต้องการที่จะทำลายเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ความเชื่อมั่นของประชาชน สร้างความหวาดกลัว และทำลายความน่าเชื่อถือของอำนาจรัฐ
 
ดังนั้น จึงยังเป็น “งานหนัก” ของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ในการป้องกันเหตุอย่าให้เกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะในพื้นที่ “เมืองใหม่” ที่เป็นเมืองเศรษฐกิจการค้า ซึ่งจะได้ผลหรือไม่ ย่อมอยู่ที่ผู้นำหน่วยในพื้นที่ว่า เป็นหน่วยที่ “เข้าถึง” งานด้าน “การข่าว” มากน้อยแค่ไหน
 
เพราะงาน “ป้องกัน” จะได้ผลมากหรือน้อยแค่ไหนอยู่ที่การ “รู้จัก” และ “รู้ลึก” ในพื้นที่รับผิดชอบ คือ รู้การเคลื่อนไหวของ “แนวร่วม” ในพื้นที่ ถ้าไม่รู้ลึก และไม่รู้จริง การป้องกันก็เป็นไปตามการ “คาดคะเน” ที่สุดท้ายก็มี “ช่องว่าง” ให้แนวร่วมก่อการร้ายได้ผล
 
 
พูดถึงการ “รู้จริง” และ “รู้ลึก” จะเห็นว่ายังเป็นปัญหาใหญ่ของการแก้ปัญหาไฟใต้ เนื่องจากถึงแม้ในนิยามของ “สงครามประชาชน” จะผ่านมาแล้วถึง 13 ปี แต่คนในกองทัพ คนในรัฐบาล และแม้แต่เจ้าหน้าที่ ผู้นำหน่วยใน กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ยังมีความเห็นในเรื่องไฟใต้ที่ไม่ตรงกัน
 
ในส่วนของ “ผู้นำหน่วยในพื้นที่” ทั้งในส่วนของกองทัพ และของ ศอ.บต.ที่รู้ลึก รู้จริง ต่างรู้ดีว่าศัตรูสำคัญที่เป็นผู้ “จุดไฟใต้” คือ “บีอาร์เอ็น” ซึ่งเป็นขบวนการแบ่งแยกดินแดนที่มี “ธง” ชัดเจนตั้งแต่ยุคที่ “การิม บิน ฮัดซัน” เป็นหัวหน้าขบวนการ กล่าวคือ ต้องการแบ่งแยกดินแดน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นประเทศใหม่ ภายใต้ชื่อ “ปัตตานีดารุสลาม”
 
และต่อเนื่องถึงยุคปัจจุบันที่มีการ “ผลัดเปลี่ยน” หัวหน้าขบวนการมาถึงยุคที่ สะแปอิง บาซอ เป็นเลขาธิการใหญ่ของบีอาร์เอ็น ความต้องการ หรือธงของบีอาร์เอ็นก็ยังเป็นการแบ่งแยกดินแดนไม่มีการเปลี่ยนแปลง
 
แต่วันนี้คนในรัฐบาล ในกองทัพ และใน กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าอีกฝ่ายหนึ่ง ยังไม่ยอมรับความจริงว่า “ศัตรูหมายเลข 1” ของเราคือ บีอาร์เอ็น และยังพยายามที่จะปฏิเสธว่า เรื่องของไฟใต้ที่มี “คนตายเป็นเบือ” เป็นเรื่อง “ความขัดแย้งภายใน” ที่ไม่ใช่การแบ่งแยกดินแดน
 
โดยเฉพาะในส่วนของ “กระทรวงต่างประเทศ” ถึงขนาดขอให้หน่วยงานทุกหน่วยเลิกพูดความจริง เลิกพูดถึงเรื่องแบ่งแยกดินแดน เลิกพูดถึงบีอาร์เอ็น เพราะเกรงนั่น กลัวนี่ จนทำให้การรับรู้ความจริงในเรื่องของไฟใต้กลายเป็นเรื่อง “บิดเบี้ยว
 
จนแม้แต่คนในพื้นที่ก็สับสน ซึ่งวันนี้คนในพื้นที่ทั้ง “พุทธ” และ “มุสลิม” บางส่วนยังเชื่อว่า การก่อการร้ายที่เกิดขึ้นเป็นเรื่อง “การสร้างสถานการณ์” ของเจ้าหน้าที่ เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่สร้างสถานการณ์เพื่อต้องการงบประมาณก็มี
 
การไม่ยอมรับความจริงในเรื่องการมีอยู่จริงของบีอาร์เอ็น และการช่วยบีอาร์เอ็น “ปกปิดตัวตน” คือปัญหาใหญ่ที่ทำให้เกิด “ความล้มเหลว” ในการดับไฟใต้ เป็นการช่วยให้บีอาร์เอ็นเติบโต และก้าวไปสู่เป้าหมายที่ต้องการได้เร็วขึ้น เพราะบีอาร์เอ็นเป็นองค์กรลับ ที่ก่อเหตุแล้วไม่ยอมรับ เพื่อป้ายความผิดให้แก่เจ้าหน้าที่
 
เมื่อ “หน่วยเหนือ” มีนโยบายในการ “ปกปิด” ความจริง โดยพยายามบอกว่าไม่มีบีอาร์เอ็น จึงเป็นเหมือนว่าหน่วยเหนือช่วยเหลือบีอาร์เอ็นไปในตัวด้วย
 
รวมทั้งวันนี้ที่หน่วยงานในพื้นที่ขาดการ “เข้าถึง” ความเคลื่อนไหวของบีอาร์เอ็นอย่างแท้จริง บางคนที่เป็นผู้นำหน่วยที่รู้เรื่องบีอาร์เอ็นก็ยังเชื่อในข้อมูลเก่าที่มีอยู่คือ “แผนบันได 7 ขั้น” ของบีอาร์เอ็น ซึ่งเป็นข้อมูลเมื่อ 12 ปีก่อน

ทั้งที่ ณ วันนี้บีอาร์เอ็นได้มีการเปลี่ยนแปลงพลวัตใหม่ แผนบันได 7 ขั้นจึงเป็นเรื่อง “อดีต” ที่ “ล้าหลัง” และหากยังเชื่อหรือ “ยึดติด” กับเรื่องแผนบันได 7 ขั้น จึงเป็นเรื่องการตามไม่ทันความจริง และมีโอกาสในการ “เพลี่ยงพล้ำ” ต่อการเดินหน้าดับไฟใต้เป็นอย่างยิ่ง
 
“โครงสร้างใหม่” ของบีอาร์เอ็นวันนี้ไม่มี “อาเยาะ” ไม่มีตำแหน่งต่างๆ ในหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ และจังหวัด มีการสลายโครงสร้างเก่าไปจนหมดสิ้น เพราะรู้ว่าโครงสร้างเก่าเจ้าหน้าที่รู้ทั้งเรื่องโครงสร้าง รู้ทั้งเรื่องของ “บุคคล” หมดสิ้นแล้ว
 
บีอาร์เอ็นจึงใช้โครงสร้างใหม่ที่มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างภายใน เปลี่ยนแปลงบุคคล ทั้งในขบวนการ และในพื้นที่ เพื่อรองรับ “ยุทธศาสตร์ใหม่” ที่ใช้เวลาอีก 15 ปีในการสร้างมวลชน สร้างนักปฏิวัติ สร้างนักรบ ก่อนที่จะลุกขึ้นต่อสู้อีกครั้ง โดยเขาสรุปจากความล้มเหลวของแผนบันได 7 ขั้น สรุปจาก “จุดอ่อน” ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2547 จนถึงปัจจุบัน
 
ล่าสุด บีอาร์เอ็นมีการขยายพื้นที่จาก 3 จังหวัด กับ 4 อำเภอของ จ.สงขลา ไปเป็น 4 จังหวัด คือ ยะลา ปัตตานี นราธิวาส สตูล และ 5 อำเภอของ จ.สงขลา นั่นคือ จะนะ เทพา นาทวี สะบ้าย้อย และสะเดา เป็นพื้นที่เพื่อการแบ่งแยกดินแดน
 
ส่วนการสร้างมวลชนนั้น บีอาร์เอ็นมีแผนในการสร้างมวลชนเพื่อสนับสนุนการแบ่งแยกดินแดนทั่วประเทศไทย และใน “ประเทศที่เป็นมุสลิม” เพื่อรอแผนการลุกขึ้นต่อสู้ในอนาคต ซึ่งบีอาร์เอ็นรอได้ เพราะเขารอมาแล้วเกือบ 50 ปี เขายังรอต่อไปได้
 
ถ้าวันนี้หน่วยงานที่รับผิดชอบในเรื่องของการดับไฟใต้ยังถกเถียงกันไม่จบ ยังเห็นแย้ง เห็นต่างและ “ไม่ตกผลึก” ทางความคิดในเรื่องการดับไฟใต้ รวมทั้งช่วยเหลือบีอาร์เอ็นทางอ้อม ด้วยการช่วยปกปิดว่า เรื่องที่เกิดขึ้น “ไม่ใช่ฝีมือของบีอาร์เอ็น” ก็เท่ากับว่ากำลังช่วยบีอาร์เอ็นให้ประสบความสำเร็จในการแบ่งแยกดินแดนนั่นเอง
 
ที่สำคัญในวันที่ 19-22 ธ.ค.ที่จะถึงนี้มีการ “ออกข่าว” จากฝ่าย “มาราปาตานี” ว่าจะมีการ “พูดคุยสันติสุข” อีกรอบระหว่างตัวแทนรัฐบาลไทยที่นำโดย พล.อ.อักษรา เกิดผล กับตัวแทนกลุ่มมาราปาตานี คือ นายมะสุกรี ฮารี ที่รัฐมะละกา ประเทศมาเลเซีย ซึ่งจะเป็นการพูดคุยครั้งสุดท้ายในปี 2559
 
โดยฝ่ายมาราปาตานีให้ “สัมภาษณ์” ผ่านสื่อของเขาว่า จะเป็นการพูดคุยที่ “เข้มข้น” และพร้อมที่จะ “แตกหัก” กับฝ่ายไทยในทุกข้อเสนอของเขา
 
ซึ่งในเรื่องของกลุ่มมาราปาตานีเองก็ยังเป็นปัญหาภายในของเรา เพราะหน่วยงานความมั่นคง ทั้งใน “ส่วนกลาง” และ “ท้องถิ่น” ก็มีความเห็นที่ “แตกต่าง” และ “ขัดแย้ง” กันตั้งแต่ต้น
 
โดยฝ่ายหนึ่งซึ่งเป็นผู้ที่รู้ลึก รู้จริง เชื่อว่ามาราปาตานี ไม่ใช่ตัวแทนของบีอาร์เอ็นที่เป็นศัตรูรัฐไทย เป็นผู้จุดไฟใต้ การพูดคุยกับกลุ่มมาราปาตานีจึงหวังผลในการยุติปฏิบัติการไฟใต้ไม่ได้ เนื่องจากกลุ่มมาราปาตานีไม่มีอำนาจในการ “สั่งการ” กองกำลังติดอาวุธให้หยุดใช้ความรุนแรง ทั้งต่อเจ้าหน้าที่ และต่อเป้าหมายอ่อนแอ นั่นคือประชาชนผู้บริสุทธิ์
 
แต่อีกฝ่ายหนึ่งซึ่งก็เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงเช่นกัน รวมทั้ง พล.อ.อักษรา เกิดผล หัวหน้าคณะพูดคุยของรัฐบาลเชื่อว่า กลุ่มมาราปาตานี คือตัวแทนของขบวนการแบ่งแยกดินแดนทุกกลุ่ม รวมทั้งบีอาร์เอ็นด้วย จึงเชื่อว่าเป็นการพูดคุยที่ “ถูกตัว” และเป็นความหวังหนึ่งในเรื่องของการสร้าง “พื้นที่ปลอดภัย” เพื่อก้าวไปสู่ความปลอดภัยอย่างถาวรในอนาคต
 
จะเห็นว่า ณ วันนี้ “อุปสรรค” ในการดับไฟใต้ไม่ได้อยู่ที่ประชาชน และที่หน่วยงานอื่นๆ แต่อย่างใด แต่อยู่กับความไม่ชัดเจน การไม่กล้ารับความจริง และต่างคนต่างเชื่อในสิ่งที่มีไม่เคยมีการสร้างเอกภาพทางความติด เพื่อให้เกิดการตกผลึกในที่มาที่ไปของไฟใต้ที่แท้จริงแต่อย่างใด
 
ณ วันนี้ “คนที่นั่งยิ้มหวาน” กับนโยบายของการดับไฟใต้ของฝ่ายความความมั่นคงน่าจะได้แก่ สะแปอิง บาซอ และ ดุลเลาะ แวมะนอ เพราะพวกเขามองเห็นอนาคตจาก “ความซื่อบื้อ” ของฝ่ายเรา ในขณะที่เราก็มองไม่เห็นอนาคตของการดับไฟใต้ ซึ่งก็มาจาก “ความซื่อบื้อ” ที่เราสร้างขึ้นนั่นเอง
 
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น