ชุมพร - ฉก.มทบ.44 สนธิป่าไม้ ยึดคืนป่าสงวนถูกนายทุนบุกรุกเตรียมสร้างรีสอร์ต บนเกาะพยาม “มัลดีฟส์เมืองไทย” เผยเป็นของอดีต ส.จ.ผู้มีอิทธิพล จัดหาที่หลวงขายเศรษฐี พร้อมดีเดย์ลงพื้นที่ตรวจสอบรีสอร์ต บังกะโล ทั้งหมด
จากกรณี พล.ต.อุดมวิทย์ อโนวัลย์ ผบ.มทบ.44 ผอ.รมน.ภาค 4 สย.1 รับผิดชอบพื้นที่ชุมพร-ระนอง สั่งการให้ชุด ฉก.แก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ นำโดย พ.ท.ดุสิต เกสรแก้ว หน.ฉก.บก.ควบคุม บก.ควบคุม มทบ.44 ลงพื้นที่เกาะพยาม หรือ “มัลดีฟส์เมืองไทย” พื้นที่หมู่ 1 ตำบลเกาะพยาม อ.เมือง จ.ระนอง ตรวจสอบพบกลุ่มนายทุนทั้งคนไทย และต่างชาติสร้างรีสอร์ต บังกะโล บ้านพักตากอากาศกว่า 100 แห่ง อยู่ในเขต ส.ป.ก. ป่าสงวน และผู้มีอิทธิพลนำที่หลวงไปขายแก่นายทุน จน คสช.มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อจัดระเบียบเกาะพยาม ตามที่ทีมข่าวภูมิภาคนำเสนอต่อเนื่องนั้น
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีดังกล่าวว่า พ.ท.ดุสิต เกสรแก้ว หน.ฉก.บก.ควบคุม มทบ.44 ร.ท.นิติธร จันทร์แก้ว หน.ชป.กกล.รส.ร 25 พัน 2 นายณัฐพล อ๋องสุวรรณ หน.หน่วย รน.8 (บ่อน้ำร้อน) ตำรวจประจำป้อมเกาะพยาม สารวัตรกำนันเกาะพยาม นำกำลังกว่า 10 นาย ลงตรวจสอบพื้นที่อ่าวไผ่ หรือเนินคอกลิง บนเกาะพยาม หลังได้รับร้องเรียนจากชาวบ้านว่ามีนายทุนเข้าไปบุกรุกป่าสงวน ขนเครื่องมือวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ เตรียมสร้างรีสอร์ต โดยหาดดังกล่าวอยู่ด้านทิศตะวันออก ห่างจากท่าเรือโดยสารประมาณ 5 กม. เป็นป่าใหญ่อุดมสมบูรณ์ ด้านหน้าเป็นคุ้งอ่าวหาดหินผสมหาดทรายสวยงามใกล้กับภูเขาสูง จากการตรวจสอบห่างจากชายหาดขึ้นไปประมาณ 20 เมตร มีบ้านพัก 1 หลัง ทำด้วยไม้เก่ายกพื้นสูงยังสร้างไม่เสร็จ พบมีเครื่องปั่นไฟฟ้า 1 เครื่อง กระเบื้องมุงหลังคา กระสอบปูนซีเมนต์ กองทราย เครื่องมืออุปกรณ์ก่อสร้างจำนวนหนึ่ง มีการบุกรุกแผ้วถางเตรียมพื้นที่เป็นบริเวณกว้างเกือบ 10 ไร่
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตรวจสอบอีกจุดอยู่ห่างกันประมาณ 100 เมตร พบมีการสร้างบ้านพักทำด้วยไม้เก่า หลังคามุงสังกะสีอยู่บนเนินผาเชิงภูเขาติดกับริมหาด มองเห็นวิวทิวทัศน์ท้องทะเลสวยงาม มีการสร้างบันไดปูนจากริมชายหาดขึ้นไปบนเนินเขาบ้านพัก มีพื้นที่ป่าถูกบุกรุกยึดครองอีกเกือบ 1 ไร่ ตรวจสอบภายในบ้านมีกล้องถ่ายรูปพร้อมเลนส์ 2 กล้อง เลนส์ซูม 1 เลนส์ พาสปอร์ตต่างชาติ 1 เล่ม เป็นของชายชาวยุโรป พร้อมเอกสารระบุถิ่นที่อยู่อาศัยชั่วคราวบนเกาะพยาม จาก ตม.ระนอง เครื่องใช้ครัวเรือน เสื้อผ้าจำนวนมาก ลักษณะคล้ายเข้ามาเช่าอยู่อาศัย ขณะตรวจสอบไม่พบตัว และอุปกรณ์เครื่องมือก่อสร้างแผ้วถางป่าจำนวนหนึ่ง
จากข้อมูลการสืบสวนเชิงลึกพบว่า พื้นที่ทั้ง 2 จุดเป็นของผู้มีอิทธิพลกลุ่มเดียวกันเป็นที่รู้ไปทั่วของชาวบ้าน ซึ่งเป็นอดีต ส.จ.ระนองคนหนึ่ง ที่มีอิทธิพลผู้กว้างขวางในจังหวัด เป็นคนสนิทของนักการเมืองใหญ่ระดับชาติ และยังเป็นนายหน้ากว้านหาที่ดินหลวงทำเลทองสวยงามบนเกาะพยาม ขายให้แก่นักการเมือง และกลุ่มนายทุน โดยให้นอมินีในพื้นที่ครอบครองดูแล นอกจากนั้นยังพบว่ายังมีอีกหลายจุดที่อดีต ส.จ.คนดังกล่าวใช้อิทธิพลยึดครองที่ดินหลวงไว้เพื่อขายอีกจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ได้จึงตรวจยึดพื้นที่ พร้อมนำของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปากน้ำระนอง ดำเนินคดีตามกฎหมาย
นายณัฐพล อ๋องสุวรรณ หน.หน่วย รน.8 (บ่อน้ำร้อน) กล่าวว่า พื้นที่ตรวจยึด จุดแรกเจ้าหน้าที่เคยจับกุมดำเนินคดีมาแล้วเมื่อปี 2553 แต่ผลการสอบสวนไม่พบตัวผู้กระทำความผิด คดีได้ยุติ และประกาศยึดกลับคืนเป็นของรัฐแล้ว แต่กลุ่มนายทุนยังหวนกลับเข้ามาบุกรุกใหม่อีก ในครั้งนี้พบมีพื้นที่บุกรุกใหม่เพิ่มขึ้นอีก 1 แปลง ซึ่งมีหลักฐานสามารถระบุตัวผู้ต้องหาในชั้นพนักงานสอบสวนเพื่อเรียกตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายได้
ขณะที่ พ.ท.ดุสิต เกสรแก้ว หน.ฉก.บก.ควบคุม บก.ควบคุม มทบ.44 กล่าวถึงปัญหาบนเกาะพยามว่า หลังจากที่ตนลงมาตรวจสอบพิสูจน์ทราบพบการบุกรุกทำลายป่า การยึดครองที่ดิน สร้างรีสอร์ต บ้านพัก บังกะโล ในเขต ส.ป.ก. ป่าสงวน ป่าชายเลน จำนวนนับร้อยแห่ง และ พล.ต.อุดมวิทย์ อโนวัลย์ ผบ.มทบ.44 ได้ใช้อำนาจ คสช.แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อจัดระเบียบเกาะพยามในระดับจังหวัด และได้แต่งตั้งคณะกรรมการร่วม 4 ฝ่าย ขึ้นมาอีกชุดเพื่อปฏิบัติการตามภารกิจ ประกอบด้วย ชุดเฉพาะกิจแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ บก.ควบคุม มทบ.44 เจ้าหน้าที่ป่าไม้ เจ้าหน้าที่ ส.ป.ก. และเจ้าหน้าที่ป่าชายเลน โดยได้นัดประชุมเจ้าหน้าที่ 4 ฝ่ายทั้งหมดในวันที่ 27 ธ.ค.59 นี้ เพื่อกำหนดวันลงเกาะพยาม ปฏิบัติหน้าที่ตรวจสอบรีสอร์ต บังกะโล บ้านพักตากอากาศ ทั้งหมดบนเกาะตามภารกิจหน้าที่ได้รับมอบหมายต่อไป