ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - อดีตเจ้าคุณชื่อดังยังดื้อดึงไม่ยอมออกจากวัดในวัง พระอารามหลวง อ.นาทวี จ.สงขลา เจ้าอาวาสโร่แจ้งตำรวจนาทวี แต่กลับถูกปัดไม่รับแจ้ง พร้อมแนะให้ไปร้องต่อคณะสงฆ์
วันนี้ (17 ธ.ค.) ที่สถานีตำรวจภูธรนาทวี อ.นาทวี จ.สงขลา หลังจากที่ พระครูโชตยาธิคุณ เจ้าอาวาสวัดในวัง พระอารามหลวง ต.นาทวี อ.นาทวี จ.สงขลา ได้เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจให้จับ พระชยันตร์ อภิสุภาโว หรืออดีตพระสุนทรราชมานิตเถระ เจ้าคณะอำเภอนาทวี จ.สงขลา ซึ่งเคยถูกจับสึก และต้องโทษในคดีอาญาหลายคดี เมื่อวันที่ 10 พ.ค.2544
แต่ปรากฏว่า พระชยันตร์ หรืออดีตพระสุนทรมานิต หรือนายชยันตร์ อภิสุภาพ ยังคงดื้อดึงไม่ยอมออกจากวัดในวัง อ.นาทวี จ.สงขลา และยังคงทำเฉยอยู่ หลังถูกแจ้งข้อหาลักทรัพย์ ต่อมา ในวันนี้ พระครูโชตยาธิคุณ เจ้าอาวาสวัดในวัง จึงได้เข้าแจ้งต่อ พ.ต.ท.ประทีป อ่อนรอด สารวัตรสอบสวน สภ.นาทวี อีกครั้ง โดยกล่าวหาว่า พระชยันตร์ อภิสุภาโว “บุกรุก” แต่ปรากฏว่า ทางสารวัตรสอบสวน สภ.นาทวี ไม่รับแจ้ง พร้อมกับแนะให้แต่งตั้งทนายมาแจ้งแทน และให้ไปร้องต่อคณะสงฆ์ และเจ้าคณะจังหวัดสงขลา อีกทางหนึ่ง ให้ไปทำเรื่องเสนอไปยัง พระเทพสิทธิวิมล เจ้าคณะ จ.ประจวบคีรีขันธ์/อุปัชฌาย์
ซึ่งในการกลับมาบวชครั้งนี้ของ พระชยันตร์ มีพระเทพสิทธิวิมล เจ้าคณะจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ วัดคลองวาฬ เป็นอุปัชฌาย์ อยู่ที่ อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ในขณะนั้น ซึ่งพระชยันตร์ ยังอยู่ในสัทธิวิหาริก (การดูแล) ของอุปัชฌาย์ ซึ่งหลังบวชแล้ว พระชยันตร์ ได้มาขออาศัยอยู่ที่วัดในวัง เป็นเวลา 15 วัน พอถึงกำหนด พระชยันตร์ กลับไม่ยอมออกจากวัด
ทางด้าน พระชยันตร์ ได้ทำหนังสืออุทธรณ์คำสั่งเจ้าอาวาสวัดในวัง ในข้อที่ 5 ในข้อหาลักทรัพย์ว่า ท่านไปแจ้งความว่าผมลักทรัพย์นั้น ในส่วนนี้ยังพิสูจน์ไม่ได้ โดยกฎหมายว่าทรัพย์เป็นของใคร เพราะตามกฎหมายอาญา ทรัพย์สินต่างๆ ต้องตกเป็นของผู้สร้าง ถ้าเจ้าของยังมีชีวิตอยู่จะตกเป็นมรดกไม่ได้ ทรัพย์สินพระถ้าไม่ตาย ก็ตกเป็นของสงฆ์มิได้ แม้เจ้าของทรัพย์จะสึกพ้นจากความเป็นพระไปแล้วก็ตาม ถ้าไม่สละสิทธิก็ย่อมตกเป็นของบุคคลนั้นตลอดไป แต่ทรัพย์สินนี้ผมสร้างด้วยทุนส่วนตัวไม่เกี่ยวกับวัด และจะนำรายได้มาทำสาธารณประโยชน์ไม่ใช่ส่วนตัว ในข้อเท็จจริงท่านรู้ดีว่าเป็นของใคร และท่านไปอ่านกฎหมายเสียใหม่จะได้รู้กระจ่างชัดขึ้น และสิ่งใดถ้ายินยอมแต่ต้นจะหาว่าลักทรัพย์ไม่ได้ ไม่เข้าองค์ประกอบกฎหมาย ในกระดาษคำอุทธรณ์ พระชยันตร์ ไม่ได้ลงลายมือชื่อไว้