ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - เครือข่ายประชาชนปกป้องทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสองฝั่งทะเล ออกแถลงการณ์ชี้เวทีรับฟังความคิดเห็นครั้งที่ 1 โครงการท่าเรือน้ำลึกสงขลา 2 ในวันนี้เป็นโมฆะ เนื่องจากขัดต่อข้อกฎหมาย
วันนี้ (15 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครือข่ายประชาชนปกป้องทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสองฝั่งทะเล ซึ่งปักหลักชุมนุมคัดค้านการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นครั้งที่ 1 โครงการท่าเรือน้ำลึกสงขลา 2 อยู่ที่บริเวณห้องประชุมโรงแรมบีพี สมิหลา บีช อ.เมือง จ.สงขลา
โดยล่าสุด เครือข่ายประชาชนปกป้องทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสองฝั่งทะเล ได้ออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 4 เรื่อง เวทีแสดงความคิดเห็นครั้งที่ 1 วันนี้ต้องเป็นโมฆะ ซึ่งเนื้อหาในแถลงการณ์ระบุว่า
ด้วยการจัดเวทีรับฟังความเห็นครั้งที่ 1 โครงการท่าเรือน้ำลึกสวนกง (ท่าเรือน้ำลึกสงขลา 2) ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 15 ธันวาคม 2559 นี้ มีความไม่ชอบตามกระบวนการของกฎหมาย ดังนี้ 1.เวทีนี้ไม่ได้มีการชี้แจงขั้นตอนในการจัดทำกระบวนการตามลำดับขั้นตอนที่จะเกิดขึ้นทั้งหมดตั้งแต่ต้น
2.ยังไม่มีการสรุปผลการดำเนินการประชุม และรับฟังความคิดเห็นอย่างทั่วถึง ทั้งยังไม่มีการมาพูดคุยทำความเข้าใจต่อผู้เข้าร่วมทั้งหมดในเวที คือ วิทยากรกับผู้จัด และผู้เข้าร่วมไม่ได้อยู่ในที่เดียวกัน จึงถือได้ว่าเวทีรับฟังความคิดเห็นในวันนี้ไม่ครบถ้วนกระบวนความดังกล่าวแล้ว จึงถือให้เป็นโมฆะไป ซึ่งบริษัทที่ปรึกษา และหน่วยงานที่รับผิดชอบจะต้องประกาศและต้องจัดเวทีเช่นนี้ใหม่อีกครั้ง
ขณะเดียวกัน มีรายงานข่าวจากเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นข้อความข่าวสารทางราชการที่ส่งต่อกันในกลุ่มไลน์ของหน่วยงานราชการระบุข้อความว่า... “นายอนุชิต ตระกูลมุทุตา รอง ผวจ.สข. ร่วมกับตำรวจภูธร จ.สงขลา และทหาร ในการแก้ไขปัญหาและควบคุมสถานการณ์การก่อความรุนแรงของผู้คัดค้านการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกสงขลา 2 ณ โรงแรมบีพีสมิหลาบีช ซึ่งระหว่างการเปิดรับฟังความคิดเห็นมีผู้ประสงค์เข้ารับฟังราว 200 คน และมีผู้คัดค้านราว 100 คน การดำเนินกิจกรรมกลุ่มผู้คัดค้านพยายามก่อกวน ขัดขวางไม่ให้มีการเปิดรับฟังความคิดเห็น แต่กิจกรรมสามารถดำเนินการตามกระบวนการรับฟังความคิดเห็นไปได้จนจบกระบวนการในเวลา 12.00 น ทั้งนี้ กลุ่มผู้คัดค้านยังแสดงความไม่พอใจอย่างต่อเนื่อง จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ”
ซึ่งในข้อความดังกล่าวนี้ เครือข่ายประชาชนปกป้องทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสองฝั่งทะเล ได้ตอบโต้ว่า ข้อความดังกล่าวของหน่วยงานราชการไม่ตรงตามข้อเท็จจริงแต่อย่างใด