xs
xsm
sm
md
lg

ป่าไม้เข้าตรวจสอบที่ดินหาดฟรีดอม มูลค่ากว่า 3 พันล้าน หลังเจ้าของไม่ยอมออกจากพื้นที่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวภูเก็ต - เจ้าหน้าที่ป่าไม้ เข้าตรวจสอบที่ดินหาดฟรีดอม อ.เมือง จ.ภูเก็ต เนื้อที่ 65 ไร่ ที่กรมที่ดินมีคำสั่งเพิกถอนไปเมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา หลังส่งหนังสือแจ้งให้ผู้ครอบครองทำการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง และออกจากพื้นที่ครบ 30 วัน ด้านเจ้าของที่ขู่ฟ้องเจ้าหน้าที่ มั่นใจเอกสารสิทธิถูกต้อง เตรียมฟ้องศาลปกครองให้ยกเลิกคำสั่งเพิกถอนโฉนดที่ดินมูลค่าไม่ต่ำกว่า 3-4 พันล้านบาท ตั้งอยู่ในทำเลสวยงามมองเห็นวิวทะเล

เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (25 พ.ย.) เจ้าหน้าที่ป่าไม้จากสำนักป่าไม้ 12 (กระบี่) หน่วยป้องกันรักษาป่า ภูเก็ต 1-2 สายตรวจ พังงา-ภูเก็ต และเจ้าหน้าที่จากทัพเรือภาคที่ 3 นำโดย นายบุญสืบ สมัครเวช ผอ.สำนักป่าไม้ 12 (กระบี่) เข้าตรวจสอบพื้นที่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติเขานาคเกิด ที่ทางกรมที่ดิน ได้เพิกถอนเอกสารสิทธิ เมื่อวันที่ 12 พ.ค.2559 ที่ผ่านมา ซึ่งที่ดินดังกล่าวประกอบด้วย โฉนดเลขที่ 98414 และ 98415 ตั้งอยู่หมู่ที่ 1 ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต เนื่องจากออกโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และเป็นที่ลาดชันเกิน 35 องศา ไม่สามารถทำกินได้ หลังจากที่กรมที่ดิน ได้ออกเอกสารสิทธิที่ดินทั้ง 2 แปลง ไปเมื่อปี 2544 ให้แก่ นายเอกชัย แซ่อิ๋ว เนื้อที่ประมาณ 65 ไร่

นายบุญสืบ กล่าวว่า การเข้าตรวจสอบที่ดินทั้ง 2 แปลงในวันนี้ เนื่องจากกรมที่ดินได้มีคำสั่งเพิกถอนเอกสารสิทธิที่ดินดังกล่าวไปเมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากที่ดินทั้ง 2 แปลงอยู่ในที่ป่าสงวนแห่งชาติ ทำให้ที่ดินทั้ง 65 ไร่นี้หมดสภาพการมีเอกสารสิทธิ ต้องตกเป็นที่ป่าสงวนแห่งชาติ และที่ผ่านมา ทางกรมป่าไม้ได้ทำหนังสือแจ้งมายังเจ้าของที่ดินให้ทำการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างทั้ง 4 หลัง ออกจากพื้นที่เป็นเวลา 30 วันแล้ว ตั้งแต่วันที่ 8 ก.ย.2559 เป็นต้นมา แต่เจ้าของที่ดินได้อุทธรณ์ไปยังกรมป่าไม้ และทางกรมป่าไม้ไม่รับคำอุทธรณ์ดังกล่าว ได้มีคำสั่งให้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของกรมป่าไม้ต่อไป

อย่างไรก็ตาม ยังพบว่าเจ้าของเอกสารสิทธิเดิมที่ครอบครองที่ดินก่อนที่กรมที่ดินจะเพิกถอนนั้น ได้ตั้งด่านเรียกเก็บค่าผ่านทางไปยังหาดฟรีดอม ซึ่งเป็นชายหาดที่มีความสวยงาม สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางไปยังหาดฟรีดอม แต่ต้องผ่านที่ดินแปลงดังกล่าว หัวละ 200 บาท จึงได้แจ้งจับดำเนินคดีต่อผู้เก็บค่าผ่านทางคนดังกล่าวไปแล้ว 1 คน ในวันนี้ด้วย พร้อมส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

นายบุญสืบ กล่าวเพิ่มว่า หลังจากที่เข้าตรวจสอบพื้นที่ในวันนี้แล้ว ทางกรมป่าไม้ จะขึ้นป้ายตรวจยึดพื้นที่ที่บริเวณทางเข้าที่ดินแปลงดังกล่าวทั้ง 2 ประตู หลังจากนั้น หากผู้ที่อ้างสิทธิยังไม่ยอมรื้อสิ่งปลูกสร้างออก ทางกรมป่าไม้ ก็จะมีวิธีการบังคับให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติต่อไป ตามมาตรา 25 คำสั่งปกครองของกรมป่าไม้ และหากยังไม่รื้อถอนอีก ทางกรมป่าไม้ก็จะทำการรื้อถอนเองโดยจะเรียกเก็บค่ารื้อถอนจากผู้ที่ฝ่าฝืน เพราะที่ดินทั้ง 2 แปลง เป็นสมบัติของชาติ ประชาชนทุกคนสามารถใช้ประโยชน์ได้ร่วมกัน

“กรมป่าไม้มั่นใจที่ดินทั้ง 2 แปลง อยู่ในเขตป่า เพราะจากการใช้เครื่องจีพีเอสจับขอบเขตพื้นที่ป่าแล้ว ที่ดินทั้ง 2 แปลง อยู่ในเขตป่าไม้อย่างชัดเจน”

อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าว ปรากฏว่า เจ้าของเอกสารสิทธิที่ดินก่อนที่กรมที่ดินจะทำการเพิกถอน ได้หอบเอกสารหลักฐานต่างๆ เข้ามาชี้แจงต่อเจ้าหน้าที่ คือ นายเอกชัย แซ่อิ๋ว และนางเบญจา แซ่อิ๋ว (แม่ของนายเอกชัย) พร้อมกับถกเถียงกับเจ้าหน้าที่ และระบุว่า จะฟ้องร้องเจ้าหน้าที่ที่เข้ามาตรวจสอบพื้นที่ เพราะมั่นใจในเอกสารสิทธิที่ดินที่กรมที่ดินเพิกถอนว่าได้มาถูกต้องตามกฎหมายกำหนดทุกขั้นทุกตอน

โดย นายเอกชัย ระบุว่า ตนได้ซื้อที่ดินต่อมาจาก นายวิโรจน์ คงแก้ว ซึ่งเป็นทายาทของนายทวีป วุฒิธรรมภรณ์ เจ้าของที่ดินเดิม เมื่อปี 2543 ด้วยเอกสารสิทธิ ส.ค.2 (สิทธิครอบครองที่ดินตามประกาศคณะปฏิบัติ พ.ศ.2515 มาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ ว่าผู้ครอบครองที่ดินที่ไม่มี ส.ค.1 ไม่เสียสิทธิสามารถนำมาออกโฉนดที่ดินได้) หลังจากนั้น ได้ดำเนินการยื่นขอออกเอกสารสิทธิต่อที่ดินจังหวัดภูเก็ต และกรมที่ดิน ได้ออกเอกสารสิทธิให้ในปี 2544 และตนมั่นว่าที่เอกสารสิทธิที่ได้มานั้นถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย เพราะเจ้าของเดิมได้ครอบครองทำกินมาก่อนที่จะประกาศเป็นป่าสงวนแห่งชาติในปี 2497 และได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายทุกประการ และก่อนที่จะออกเอกสารสิทธิก็มีการตรวจสอบกับกรมป่าไม้แล้วว่าที่ดินแปลงดังกล่าวไม่ได้อยู่ในเขตป่าสงวนฯ แต่อย่างใด เพราะมีร่องรอยของการทำประโยชน์

นายเอกชัย กล่าวว่า เพื่อความเป็นธรรมต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ตนจะยื่นฟ้องศาลปกครองให้สั่งเพิกถอนคำสั่งการเพิกถอนเอกสารสิทธิที่ดินทั้ง 2 แปลง พร้อมๆ กับขอคุ้มครองชั่วคราวในช่วงเวลาที่ยื่นฟ้องต่อทางศาลปกครอง และจะดำเนินคดีฟ้องร้องกรมที่ดิน เรียกค่าเสียหาย และตนอยากจะฝากถึงสังคมว่า ตนไม่ใช่นายทุน และไม่ใช่นอมินีของใครทั้งนั้น ตนมีอาชีพทำธุรกิจป้าย และสติกเกอร์ อยู่ที่หน้าศาลเจ้าสามกอง ที่ดินแปลงนี้ซื้อต่อเจ้าของเดิม โดยต้องการที่จะพัฒนาด้านการท่องเที่ยวต่อไปในอนาคต

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ที่ดินแปลงดังกล่าวตั้งอยู่บนเนินเขาลดหลั่นกันลงไปจนถึงชายหาดฟรีดอม สามารถมองเห็นวิวทะเลได้อย่างสวยงาม โดยที่ดินทั้ง 65 ไร่ มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 3,000-4,000 ล้านบาท



 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น