ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ผกก.ถลาง ยืนยัน ตำรวจทำตามกระบวนการของกฎหมาย หลังหนุ่มถูกจับคดีเผาโรงพักถลาง เข้าร้องศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ต เพื่อขอความเป็นธรรม ชี้เจ้าหน้าที่ออกหมายจับผิดตัว ยันตนเองไม่ใช่บุคคลในภาพที่เจ้าหน้าที่ออกหมายจับ พร้อมนำหลักฐานมายืนยัน
จากกรณีมี นายอุทัย สุขเลี่ยน ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดภูเก็ต ที่ 851/2558 ลง พ.ย.2558 คดีเผาสถานีตำรวจภูธรถลาง เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2558 ที่ผ่านมา พร้อมครอบครัว เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมในการจับกุมดำเนินคดี โดยมี นางทัศนีย์ นพรัตน์ นักวิชาการขนส่ง สำนักงานขนส่งจังหวัดภูเก็ต ในฐานะหัวหน้าศูนย์ฯ อยู่เวรประจำวัน เป็นผู้รับเรื่องเมื่อวานนี้ (18 พ.ย.) ที่ศูนย์ดำรงธรรมภูเก็ต เกี่ยวกับเรื่องนี้ พ.ต.อ.สมพงษ์ ทิพย์อาภากุล ผกก.สภ.ถลาง กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า ในส่วนของตำรวจทำไปตามกระบวนการของขั้นตอนของกฎหมายทุกประการ ซึ่งผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ทางพนักงานสอบสวนได้ส่งฟ้องไปทางอัยการ โดยทางตำรวจให้มีการประกันตัว 1 แสนบาท แต่พอส่งเรื่องไปยังอัยการจังหวัดภูเก็ต ทางอัยการให้ประกัน 5 แสน เนื่องเป็นไปตามหลักกฎเกณฑ์ของกฎหมาย หลังจากนี้ ก็ต้องดูว่าอัยการจะมีการสั่งฟ้องหรือไม่ เพราะหลักฐานข้อเท็จจริงต่างๆ อยู่ที่อัยการหมดแล้ว
ขณะที่ นายอุทัย เปิดเผยว่า ตามที่เกิดเหตุการณ์กรณีกลุ่มชาวบ้านรวมตัวกันปิดล้อมโรงพัก สภ.ถลาง อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2558 ที่ผ่านมา สาเหตุเกิดจากความไม่พอใจในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ถลาง ที่ไล่จับกุม 2 วัยรุ่น ผู้ต้องสงสัยครอบครองยาเสพติด จนเป็นผลให้ทั้งคู่เกิดอุบัติเหตุ และเสียชีวิต ต่อมา เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2559 เวลาประมาณ 17.45 น. ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรถลาง นำหมายศาลเข้าจับกุมตนเองตามหมายจับศาลจังหวัดภูเก็ต ที่ 851/2558 ลง พ.ย.2558 ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิด ร่วมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์อันเป็นสาธารณะของแผ่นดิน เป็นสถานสถาน ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ ร่วมกันทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติหน้าที่ ร่วมกันบุกรุกสถานที่ราชการ
อย่างไรก็ตาม หลังจากได้รับแจ้งว่าตนเองถูกออกหมายจับก็ได้ได้เดินทางไปยัง สภ.ถลาง เพื่อให้การต่อพนักงานสอบสวน โดยตนได้ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และยืนยันต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่า วันที่เกิดเหตุไม่ได้ไปร่วมชุมนุมประท้วงแต่อย่างใด ซึ่งนั่งดูข่าวอยู่ที่บ้านกับภรรยา มารดา และเพื่อนอีก 1 คน นอกจากนี้ เมื่อขอดูหลักฐานการจับกุมก็มีแค่ภาพถ่ายตามบัตรประชาชนของตนเอง โดยไม่มีรูปถ่ายจากล้องวงจรปิดแต่อย่างใด ทำให้วันนั้นตนเองถูกคุมขังที่ สภ.ถลาง เป็นเวลา 1 คืน ตอนเช้าตนเองได้เห็นหลักฐานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้จากกล้องวงจรปิดเป็นภาพคล้ายตนเอง และมีรอยสัก แต่ไม่ตรงกับตนเองเพราะคนในภาพมีรอยสักไปถึงต้นคอ แต่ตนเองไม่มี
และที่แขนซ้ายของคนในภาพมีรอยสักแต่ตนไม่มี หลังจากถูกจับกุมทำให้ตนเองไม่ได้ทำงาน และต้องใช้เงินประกัน จำนวน 500,000 บาท เพื่อประกันตัวออกมา ซึ่งตนเองก็ไม่มีเงินประกันตนต้องใช้บุคคลค้ำประกันออกมา เพื่อหาหลักทรัพย์ไปค้ำประกันตามที่เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้ง เพื่อใช้ประกันตนในชั้นอัยการต่อไป สำหรับการเดินทางมาร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมในครั้งนี้ เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมจากเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งตนยืนยันได้ว่า ในวันที่เกิดเหตุตนไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่เกิดเหตุ
ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ต ได้รับเรื่องร้องเรียนดังกล่าว และได้แนะนำให้ไปยื่นเรื่องต่อทางยุติธรรมจังหวัดให้ช่วยเหลือในเรื่องของเงินประกันตัว และจะดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
จากกรณีมี นายอุทัย สุขเลี่ยน ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดภูเก็ต ที่ 851/2558 ลง พ.ย.2558 คดีเผาสถานีตำรวจภูธรถลาง เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2558 ที่ผ่านมา พร้อมครอบครัว เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมในการจับกุมดำเนินคดี โดยมี นางทัศนีย์ นพรัตน์ นักวิชาการขนส่ง สำนักงานขนส่งจังหวัดภูเก็ต ในฐานะหัวหน้าศูนย์ฯ อยู่เวรประจำวัน เป็นผู้รับเรื่องเมื่อวานนี้ (18 พ.ย.) ที่ศูนย์ดำรงธรรมภูเก็ต เกี่ยวกับเรื่องนี้ พ.ต.อ.สมพงษ์ ทิพย์อาภากุล ผกก.สภ.ถลาง กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า ในส่วนของตำรวจทำไปตามกระบวนการของขั้นตอนของกฎหมายทุกประการ ซึ่งผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ทางพนักงานสอบสวนได้ส่งฟ้องไปทางอัยการ โดยทางตำรวจให้มีการประกันตัว 1 แสนบาท แต่พอส่งเรื่องไปยังอัยการจังหวัดภูเก็ต ทางอัยการให้ประกัน 5 แสน เนื่องเป็นไปตามหลักกฎเกณฑ์ของกฎหมาย หลังจากนี้ ก็ต้องดูว่าอัยการจะมีการสั่งฟ้องหรือไม่ เพราะหลักฐานข้อเท็จจริงต่างๆ อยู่ที่อัยการหมดแล้ว
ขณะที่ นายอุทัย เปิดเผยว่า ตามที่เกิดเหตุการณ์กรณีกลุ่มชาวบ้านรวมตัวกันปิดล้อมโรงพัก สภ.ถลาง อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2558 ที่ผ่านมา สาเหตุเกิดจากความไม่พอใจในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ถลาง ที่ไล่จับกุม 2 วัยรุ่น ผู้ต้องสงสัยครอบครองยาเสพติด จนเป็นผลให้ทั้งคู่เกิดอุบัติเหตุ และเสียชีวิต ต่อมา เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2559 เวลาประมาณ 17.45 น. ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรถลาง นำหมายศาลเข้าจับกุมตนเองตามหมายจับศาลจังหวัดภูเก็ต ที่ 851/2558 ลง พ.ย.2558 ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิด ร่วมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์อันเป็นสาธารณะของแผ่นดิน เป็นสถานสถาน ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ ร่วมกันทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติหน้าที่ ร่วมกันบุกรุกสถานที่ราชการ
อย่างไรก็ตาม หลังจากได้รับแจ้งว่าตนเองถูกออกหมายจับก็ได้ได้เดินทางไปยัง สภ.ถลาง เพื่อให้การต่อพนักงานสอบสวน โดยตนได้ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และยืนยันต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่า วันที่เกิดเหตุไม่ได้ไปร่วมชุมนุมประท้วงแต่อย่างใด ซึ่งนั่งดูข่าวอยู่ที่บ้านกับภรรยา มารดา และเพื่อนอีก 1 คน นอกจากนี้ เมื่อขอดูหลักฐานการจับกุมก็มีแค่ภาพถ่ายตามบัตรประชาชนของตนเอง โดยไม่มีรูปถ่ายจากล้องวงจรปิดแต่อย่างใด ทำให้วันนั้นตนเองถูกคุมขังที่ สภ.ถลาง เป็นเวลา 1 คืน ตอนเช้าตนเองได้เห็นหลักฐานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้จากกล้องวงจรปิดเป็นภาพคล้ายตนเอง และมีรอยสัก แต่ไม่ตรงกับตนเองเพราะคนในภาพมีรอยสักไปถึงต้นคอ แต่ตนเองไม่มี
และที่แขนซ้ายของคนในภาพมีรอยสักแต่ตนไม่มี หลังจากถูกจับกุมทำให้ตนเองไม่ได้ทำงาน และต้องใช้เงินประกัน จำนวน 500,000 บาท เพื่อประกันตัวออกมา ซึ่งตนเองก็ไม่มีเงินประกันตนต้องใช้บุคคลค้ำประกันออกมา เพื่อหาหลักทรัพย์ไปค้ำประกันตามที่เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้ง เพื่อใช้ประกันตนในชั้นอัยการต่อไป สำหรับการเดินทางมาร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมในครั้งนี้ เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมจากเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งตนยืนยันได้ว่า ในวันที่เกิดเหตุตนไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่เกิดเหตุ
ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ต ได้รับเรื่องร้องเรียนดังกล่าว และได้แนะนำให้ไปยื่นเรื่องต่อทางยุติธรรมจังหวัดให้ช่วยเหลือในเรื่องของเงินประกันตัว และจะดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป