คอลัมน์ : ได้อย่างไม่เสียอย่าง
โดย...นายแพทย์สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ
--------------------------------------------------------------------------------
ในท่ามกลางระเบิด และควันปืนกว่า 12 ปี ของความไม่สงบในชายแดนใต้ นโยบายของรัฐบาล และฝ่ายความมั่นคงมีความชัดเจนมากขึ้นว่า จะพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้มีสัดส่วนของอุตสาหกรรมหนักและเบามากขึ้น เพื่อแก้ปัญหาความยากจน และแก้ปัญหาความไม่สงบ แม้จะเป็นนโยบายที่ไม่ได้ประกาศ แต่ก็มีความชัดเจนมากขึ้นในอัตราเร่ง
จิ๊กซอว์นโยบายการเปลี่ยนชายแดนใต้ เป็นพื้นที่อุตสาหกรรมที่ว่านี้ ได้แก่
ปี 2557 รัฐบาลผลักดันการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพาขนาด 2,200 เมกะวัตต์ ซึ่งมากเกินพอสำหรับการใช้ไฟฟ้าของภาคใต้ที่ใช้สูงสุดที่ 2,400 เมกะวัตต์ ทั้งนี้ ปัจจุบันมีโรงไฟฟ้าจะนะ 1,500 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าขนอม 900 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าขนาดเล็กอื่นกว่า 400 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้ากระบี่ ที่รัฐยืนยันจะสร้างให้ได้อีก 800 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นการผลิตไฟฟ้าที่มากเกินไปอย่างมีเลศนัย
มีนาคม 2558 รัฐบาลประกาศตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษในจังหวัดนราธิวาส ในพื้นที่ 5 ตำบลใน 5 อำเภอ คือ อำเภอเมือง ยี่งอ ตากใบ แว้ง และสุไหงโก-ลก รวมเนื้อที่ส่งเสริมกว่า 147,000 ไร่ โดยเน้นอุตสาหกรรมยาง อุตสาหกรรมฮาลาล และอุตสาหกรรมพลังงาน เช่น โรงไฟฟ้าขยะ โรงไฟฟ้าชีวมวล โดยจะมีการเอื้อประโยชน์จูงใจในการลงทุนอย่างเต็มที่
เมษายน 2559 สนช.เห็นชอบข้อเสนอโรงไฟฟ้าถ่านหินปะนาเระ ขนาด 1,000 เมกะวัตต์ ด้วยเหตุผลว่าจะช่วยแก้จนที่เป็นสาเหตุความไม่สงบ และประกาศยกเลิกนิคมอุตสาหกรรมฮาลาลที่อำเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานี ไปในโอกาสเดียวกัน เพื่อหลีกทางให้โรงไฟฟ้าถ่านหิน
มิถุนายน 2559 รัฐบาลประกาศดัน “โครงการสามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” พัฒนาเมืองหนองจิก สุไหงโก-ลก และเบตง เป็นต้นแบบการพัฒนาแบบผสมผสาน สำหรับอำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี จะถูกพัฒนาในลักษณะเกษตรอุตสาหกรรม หรืออาจกลายเป็นพื้นที่พัฒนาอุตสาหกรรมในอนาคต เพราะใกล้โรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา
สิงหาคม 2559 สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ประกาศผลรายชื่อผู้ผ่านเทคนิคโรงไฟฟ้าชีวมวลในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ จำนวน 28 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 240.8 เมกะวัตต์ (MW) สูงกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ที่ 36 MW เกือบ 7 เท่า ซึ่งหมายาความว่าจะมีโรงไฟฟ้าชีวมวลกระจายตัวในวงกว้างทั่วพื้นที่ชายแดนใต้
ตุลาคม 2559 กระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมกับ กอ.รมน. ภาค 4 ประกาศให้มีการพัฒนาแหล่งแร่ในพื้นที่สำคัญ 3 จังหวัดชายแดนใต้ และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา เพื่อให้เกิดการลงทุนในกิจกรรมการทำเหมืองแร่ สร้างงาน สร้างรายได้ให้แก่ประชาชน เหมืองทอง เหมืองแมงกานีส เหมืองดินขาว เหมืองหิน เหล่านี้คือ ศักยภาพสำคัญของพื้นที่
นอกจากนี้ ยังมีโครงการท่าเรือน้ำลึกสวนกง ที่อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา และท่าเรือน้ำลึกปากบารา ที่อำเภอละงู จังหวัดสตูล เชื่อมด้วยรถไฟรางคู่ และนิคมอุตสาหกรรมที่จะตามมาทั้งสองฝั่งทะเล ซึ่งเป็นโครงการที่มีการผลักดันมายาวนาน แต่ถูกคัดค้านอย่างกว้างขวาง
และยังมีโครงการเก่าเก็บที่ไม่มีการดำเนินการ แต่ก็ไม่มีการประกาศยุติโครงการ เช่น โครงการเขื่อนสายบุรี โครงการเหมืองลิกไนต์สะบ้าย้อย ซึ่งอาจถูกปลุกผีขึ้นมาวันไหนก็ได้ในอนาคต
ทั้งหมดนี้คือ จิ๊กซอว์ที่ชี้ให้เห็นว่า ทิศทางการดับไฟใต้ในอนาคตจะมีกระสุนเงินตราจากทุนอุตสาหกรรมมาช่วยดับไฟใต้ เสริมแรงฝ่ายความมั่นคงอีกแรงหนึ่ง
ส่วนคำตอบที่ว่า การพัฒนาชายแดนใต้สู่การเป็นพื้นที่อุตสาหกรรมทั้งหนักและเบา จะสามารถแก้ปัญหาความรุนแรงชายแดนภาคใต้ได้หรือไม่นั้น เป็นสิ่งต้องตามดูกันต่อไป
แต่สำหรับผมเชื่อว่า เหรียญมีสองด้าน เมื่อเป็นการพัฒนาที่ไม่สอดคล้องต่อบริบทวิถีของชุมชน และกระสุนเงินที่จะเข้ามาในพื้นที่ อันจะนำมาซึ่งความแตกแยก การแบ่งข้างของประชาชนกันเองในพื้นที่ ดังที่ปรากฏมาแล้วในทุกพื้นที่
หรือนี่คือ การสร้างความแตกแยกเพื่อปกครอง
สำหรับผมนี่จะเป็นอีกเงื่อนไขความซับซ้อน ที่จะเป็นภัยแทรกซ้อนที่เติมเชื้อไฟให้ไฟใต้ให้ลุกโชนกว่าเดิมก็เป็นได้.