ยะลา - รองโฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ระบุเหตุการณ์ความรุนแรงชายแดนใต้หลายจุดที่เกิดขึ้น เป็นการกระทำของกลุ่มคนนอกศาสนา พร้อมแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิต
วันนี้ (3 พ.ย.) ที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พ.อ.ยุทธนาม เพชรม่วง รองโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ก่อกวนหลายจุดในหลายพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อคืนวันที่ 2 พ.ย.2559 ที่ผ่านมา พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 ได้แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าว พร้อมทั้งขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการเสียชีวิตของทหารกล้าที่พลีชีพจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ และขอแสดงความเสียใจไปยังครอบครัวของประชาชนผู้บริสุทธิ์ จำนวน 2 ราย ที่ต้องเสียชีวิตจากการกระทำอันโหดร้ายป่าเถื่อนและไร้มนุษยธรรมของกลุ่มคนร้าย พร้อมกันนี้ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งนำหลักฐานที่ได้จากที่เกิดเหตุเพื่อจะได้ติดตามจับกุมคนร้ายกลุ่มนี้มาลงโทษตามกฎหมาย
หลังเกิดเหตุ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้สั่งการให้ทุกหน่วยพร้อมทบทวนมาตรการในการรักษาความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน ตามนโยบายการแก้ปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ภายใต้แนวทาง “กฎหมายนำ การทหารตาม การเมืองขยาย” โดยในช่วงที่ผ่านมาพบว่า ทุกหน่วยได้ดำเนินการตามนโยบายอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการปฏิบัติการเชิงรุกเป็นผลให้ในหลายพื้นที่สามารถตรวจยึดอุปกรณ์ในการก่อเหตุได้หลายครั้ง
ไม่ว่าจะเป็นการตรวจพบแผงวงจรระเบิดแสวงเครื่อง 3 ชุด ในพื้นที่บ้านบางน้อย ต.เจ๊ะเห อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ตรวจพบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และถังแก๊สปิคนิคในพื้นที่ ต.แหลมโพธิ์ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี การตรวจยึดอาวุธปืนเล็กยาว ชนิด M-16 จำนวน 1 กระบอก พร้อมซองบรรจุ จำนวน 2 ซอง และกระสุนปืนอีกจำนวนหนึ่ง ในพื้นที่ ต.ดาโต๊ะ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี หรือการติดตามจับกุมกลุ่มผู้ก่อเหตุที่วางระเบิด และก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่ได้เป็นจำนวนมาก
“นอกจากนี้ การดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในเรื่องความมั่นคง มั่งคั่ง ยังยืน ซึ่งเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจก่อให้เกิดการสร้างงาน สร้างอาชีพ มีรายได้ ประชาชนมีความกินดีอยู่ดี แต่กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงยังคงพยายามแสดงความมีตัวตนด้วยการก่อเหตุ ซึ่งการกระทำดังกล่าวทำให้พี่น้องประชาชนเกิดความรู้สึกเบื่อหน่ายต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น” พ.อ.ยุทธนาม กล่าว
รองโฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ยังกล่าวอีกว่า การก่อเหตุในครั้งนี้ถือเป็นพฤติกรรรมอันโหดเหี้ยมที่ทุกฝ่ายรับไม่ได้ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการก่อเหตุในครั้งนี้คนร้ายมุ่งทำลายทรัพย์สินที่เป็นสิ่งสาธารณประโยชน์ที่มาจากเงินภาษีของประชาชน และยังทำให้ประชาชนต้องได้รับความเดือดร้อนจากการที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ ซึ่งถือเป็นปัจจัยสี่ที่สำคัญต่อการดำรงชีวิตของประชาชน
การกระทำของคนร้ายในครั้งนี้เป็นการกระทำที่ต้องการให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ต้องได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง ตลอดห้วงเวลาที่ผ่านมา กลุ่มคนร้ายยังคงสร้างสถานการณ์ความรุนแรง บิดเบือน กลับกลอก โดยใช้ชีวิตผู้บริสุทธิ์ให้ตกเป็นเหยื่อของสถานการณ์ เป็นการกระทำของพวกนอกศาสนา เพราะพฤติกรรมเช่นนี้ขัดต่อบทบัญญัติของศาสนาอย่างร้ายแรง จึงขอเรียกร้องให้ทุกภาคส่วน โดยเฉพาะกลุ่มองค์กรภาคประชาสังคม กลุ่ม NGOs และเครือข่ายองค์กรที่มักเรียกร้องหาความเป็นธรรมในพื้นที่ ได้ร่วมกันประณามการกระทำดังกล่าว และร่วมกันปฏิเสธการใช้ความรุนแรงในทุกรูปแบบ
ทั้งนี้ ท่านแม่ทัพภาคที่ 4 ได้สั่งการให้กำลัง 3 ฝ่าย รวมทั้งกำลังภาคประชาชน เพิ่มมาตรการเข้มในการดูแลพื้นที่ พร้อมทั้งได้เน้นย้ำให้ทุกพื้นที่จัดระเบียบพื้นที่ชุมชน เส้นทาง และบูรณาการกำลังทุกภาคส่วน รวมทั้งขอความร่วมมือไปยังกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำพื้นที่ ผู้นำท้องถิ่น ช่วยกันสอดส่องดูแลกลุ่มคนในพื้นที่ โดยเฉพาะกลุ่มบุคคลที่ถูกออกหมายจับในคดีความมั่นคงว่า มีส่วนเกี่ยวข้องต่อการก่อความไม่สงบในพื้นที่ ไม่ให้เคลื่อนไหวก่อเหตุความรุนแรงได้อีก พร้อมทั้งเน้นย้ำในการรักษาความปลอดภัยพื้นที่ให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียชีวิต และผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว
“อีกทั้งได้เน้นย้ำในเรื่องการรวบรวมหลักฐานต่างๆ เพื่อติดตามคนร้ายที่ก่อเหตุมาลงโทษตามกระบวนการทางกฎหมายอย่างเร่งด่วนต่อไป หากพบเหตุพบบุคคลต้องสงสัย หรือสิ่งผิดปกติใดๆ สามารถแจ้งหน่วยงานด้านความมั่นคงใกล้บ้านท่าน หรือหมายเลขโทรศัพท์ 1341 ศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ซึ่งทางหน่วยงานด้านความมั่นคงพร้อมที่จะเข้าโครงการคุ้มครองพยานเพื่อให้เกิดความปลอดภัย” รองโฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า กล่าว