ยะลา - ชาวนาจากหลายตำบลใน อ.เมือง จ.ยะลา ได้รับความเดือดร้อนหนัก ทำนาปลูกข้าวไม่ได้เพราะขาดน้ำ หลังฝนหยุดตกต่อเนื่องกันเป็นเวลาหลายเดือน ขณะที่บางรายเตรียมถอนต้นกล้าทิ้งหันไปปลูกพืชอย่างอื่นทดแทน
วันนี้ (2 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสภาพอากาศที่ฝนหยุดตกทิ้งช่วงไปนานหลายเดือน แม้ว่าขณะนี้ในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง จะก้าวเข้าสู้ฤดูฝนมาหลายเดือนแล้ว แต่ปริมาณฝนที่ตกลงมาก็มีปริมาณที่ไม่มากพอ และก็ไม่ได้ตกติดต่อกันอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายงานจากสถานการณ์ปริมาณน้ำในเขื่อนบางลาง ล่าสุด เมื่อวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา มีปริมาณน้ำสะสมคิดเป็น 26 เปอร์เซ็นต์ คือ มีน้ำที่ใช้งานได้ประมาณ 99.44 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือเพียง 8 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
โดยน้ำที่ไหลจากเขื่อนบางลาง อ.บันนังสตา ผ่าน อ.กรงปินัง อ.เมือง จ.ยะลา และไปสิ้นสุดที่เขื่อนชลประทาน จ.ปัตตานี ยังคงมีปริมาณน้ำที่น้อยอย่างเห็นได้ชัด โดยล่าสุด ทางเขื่อนบางลาง ได้ลดปริมาณการระบายน้ำออก 2 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน เป็น 1.49 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน
ทั้งนี้ จากปัญหาฝนตกทิ้งช่วงเป็นระยะเวลานานกว่า 5 เดือน ทำให้เกษตรกรชาวนาที่ทำนาปีอยู่ในพื้นที่ อ.เมือง จ.ยะลา จำนวนมากกว่า 2,000 ไร่ ต้องได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก เนื่องจากชาวนาบางรายได้ปลูกต้นกล้าเตรียมไว้แล้ว และเตรียมจะดำนาแต่กลับประสบปัญหาไม่มีน้ำที่จะทำนา พื้นที่เกิดความแห้งแล้งจนไม่สามารถที่จะทำนาปีได้ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนทำนา ต.บุดี อ.เมือง จ.ยะลา จึงได้รวมกลุ่มกันทำนา และส่งข้าวมาขายแก่วิสาหกิจชุมชนที่จัดขึ้น ก็ต่างพูดคุย และพยายามหาทางออกจากปัญหาการขาดแคลนน้ำในการทำนา
นายสาการียา เด ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ต.บุดี อ.เมือง จ.ยะลา เปิดเผยว่า ขณะนี้เกษตรชาวนาต้องประสบปัญหาขาดแคลนน้ำอย่างหนัก เพราะใกล้ฤดูทำนาปีแล้ว แต่ยังไม่มีฝนตกลงมาในพื้นที่เพียงพอ ทำให้ชาวนาไม่สามารถที่จะไถนาเพื่อดำนาปลูกข้าวได้ โดยในขณะนี้ ชาวนาบางรายก็รอให้ฝนตกลงมา และหากฝนไม่ตกลงมาอีกก็ต้องพลิกฟื้นพื้นที่ที่ปลูกกล้าพันธุ์ไว้ เป็นการปลูกพืชอย่างอื่นทดแทน
น.ส.โรสนี ดอเลาะ เกษตรกรผู้ทำนา เปิดเผยว่า ฝนที่ทิ้งช่วงไปประมาณ 4-5 เดือน ในขณะนี้ทำให้ชาวนาบางรายในพื้นที่ ต.บุดี เริ่มที่จะเตรียมตัวถอนต้นกล้าทิ้ง เพื่อไปปลูกพืชอื่นทดแทน เนื่องจากปัญหาการขาดแคลนน้ำ ซึ่งในกลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่มีผู้ที่ทำนาเข้ามาร่วมกว่า 60 ราย ได้ปรึกษากัน และขอคำปรึกษาไปยังเกษตรอำเภอ ซึ่งทางเกษตรอำเภอก็แนะนำให้ปลูกข้าวแบบไม่อาศัยน้ำ แต่หากไม่สามารถปลูกได้ก็ให้ปรับพื้นที่ปลูกพืชอย่างอื่นทดแทน
ทางด้าน นายวิทยา สายกีเส็ง นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรอำเภอเมืองยะลา ได้ให้ข้อมูลว่า ขณะนี้ปัญหาการขาดแคลนน้ำในพื้นที่ จ.ยะลา โดยเฉพาะใน อ.เมือง ได้ส่งผลกระทบไปยังชาวนาในหลายตำบล มีพื้นที่หลายพันไร่ที่ชาวนากำลังรอน้ำฝนให้ตกลงมา เพื่อจะได้ปลูกข้าวดำนาตามฤดูกาล ซึ่งได้แนะนำว่า หากฝนตกลงมา และจะดำนาปลูกข้าว ให้ผู้ที่เพาะต้นกล้าไว้ที่มีอายุมากกว่า 30 วัน ให้ปลูกกล้าในระยะประชิด คือ ประมาณ 10 เซนติเมตร เนื่องจากกล้าข้าวที่แก่แล้วจะไม่แตกหน่ออีก ทำให้ปริมาณข้าวลดลง หรือหากไม่มีฝนตก และไม่ได้ปลูกก็ให้พลิกพื้นที่นาข้าวไปปลูกพืชผักอย่างอื่นทดแทน
“ปัญหาน้ำที่ขาดแคลนในขณะนี้อาจจะเป็นเพราะฤดูฝนในพื้นที่ 3 จังหวัด อาจจะมีล่าช้ากว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งได้มีการตรวจสอบกับกรมอุตุนิยมวิทยามาตลอด ส่วนน้ำจากชลประทานนั้น ขณะนี้มีการก่อสร้างเขื่อนเก็บน้ำที่ ม.5 ต.บุดี เพื่อจะให้เกษตรกรใน ต.บุดี และพื้นที่ใกล้เคียงได้ใช้สอยประโยชน์ แต่ขณะนี้ปริมาณน้ำในเขื่อนเองก็ยังมีไม่เพียงพอ และโครงการดังกล่าวก็ยังทำการก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ ซึ่งเชื่อว่าหลังจากนี้อีก 2 ปี หากเขื่อนเก็บน้ำบ้านบุดีสร้างแล้วเสร็จ เกษตรกรในพื้นที่ก็จะได้รับประโยชน์จากน้ำ และการทำนาก็จะดีขึ้น”