อุบลราชธานี - คณะอนุกรรมการบริหารจัดการน้ำแม่น้ำมูล จ.อุบลราชธานี มีมติปิดประตูระบายน้ำเขื่อนปากมูล ผู้ว่าราชการจังหวัดย้ำต้องเก็บน้ำไว้ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนผู้ใช้น้ำทุกกลุ่ม ด้านแกนนำชาวบ้านสมัชชาคนจนระบุ เหตุผลรับฟังได้ เพราะขณะนี้ยังไม่มีมติจากคณะกรรมการแก้ไขปัญหาชัดเจน ต้องยึดมติเดิมไปก่อน ขณะที่ปรึกษากลุ่มสมัชชาคนจนเตรียมเคลื่อนไหวยื่นหนังสือให้ทบทวน เพราะเกรงเกิดผลกระทบต่อประชาชนที่ลุ่มต่ำยังถูกน้ำท่วม
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กองโรงไฟฟ้าเขื่อนสิรินธร จ.อุบลราชธานี มีหนังสือเวียนแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่สองฝั่งแม่น้ำมูลตั้งแต่อำเภอโขงเจียม สิรินธร พิบูลมังสาหาร ซึ่งมีเรือนแพ กระชังเลี้ยงปลา และสิ่งปลูกสร้างอื่นๆ รวมทั้งอุปกรณ์ใช้จับปลาให้เก็บอุปกรณ์ เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายจากการปิดประตูระบายน้ำ เพราะจะมีระดับน้ำหน้าเขื่อนสูงขึ้นตามลำดับตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค.นี้เป็นต้นไป
นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ในฐานะประธานอนุกรรมการบริหารจัดการน้ำแม่น้ำมูล กล่าวถึงการปิดประตูระบายน้ำเขื่อนปากมูลมาจากการวิเคราะห์ของทุกภาคส่วนเห็นตรงกันว่า ขณะนี้ ภาคอีสานได้สิ้นสุดฤดูฝน และมีความจำเป็นต้องเก็บกักน้ำในแม่น้ำมูลไว้ในเพาะปลูก และน้ำใช้ในครัวเรือนในฤดูแล้งที่กำลังจะมาถึง จึงมีความเห็นให้ปิดประตูระบายน้ำเขื่อนปากมูลตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค.เป็นต้นไป แต่ทั้งนี้หากระดับน้ำในแม่น้ำมูลมีการเปลี่ยนแปลง หรือมีวัชพืชที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมก็สามารถเปิดประตูระบายน้ำได้ตามความจำเป็น และจะมีการพิจารณาเปิดประตูระบายน้ำอีกครั้งในฤดูน้ำหลากปีหน้า
“การสั่งปิดประตูเขื่อนปากมูลครั้งนี้เป็นไปตามอำนาจที่จังหวัดได้รับมอบมาจากคณะกรรมการอำนวยการเพื่อแก้ไขปัญหาเขื่อนปากมูล ที่มี ม.ล.ปนัดดา ดิสกุล เป็นประธาน ซึ่งได้มอบให้ไว้กับคณะกรรมการระดับจังหวัดพิจารณาตามสถานการณ์เป็นจริงในแต่ละช่วงของแต่ละปี โดยต้องยึดประโยชน์ของประชาชนผู้ใช้น้ำทุกกลุ่มเป็นสำคัญ”
ด้านนางสมปอง เวียงจันทร์ แกนนำชาวบ้านสมัชชาคนจนเขื่อนปากมูลกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีมติของคณะกรรมการแก้ไขปัญหาเขื่อนปากมูลที่ชัดเจนออกมา จึงต้องยึดตามมติเดิมคือเปิดประตูเขื่อน 8 เดือน และปิด 4 เดือน เมื่อจังหวัดอ้างความจำเป็นต้องเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง เพราะเกรงเกิดปัญหาขาดแคลนน้ำใช้เหมือนฤดูแล้งปี 2558 ก็พอยอมรับได้ เพราะยังมีการยกระดับบานประตูใต้น้ำสูง 40 เซนติเมตร เพื่อหล่อเลี้ยงระบบนิเวศวิทยาบริเวณท้ายเขื่อนต่อไป และคงไม่เคลื่อนไหวคัดค้านในช่วงนี้เพราะเป็นช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม ส่วนการเคลื่อนไหวของประชาชนกลุ่มอื่นก็ไม่เกี่ยวข้องกับพวกตน เพราะในฐานะตัวแทนภาคประชาชนในคณะกรรมการจำเป็นต้องฟังความเห็นในภาคส่วนอื่นด้วย
สำหรับนายกฤษกร ศิลารักษ์ ที่ปรึกษากลุ่มสมัชชาคนจนเขื่อนปากมูลกล่าวว่า ในวันที่ 31 ต.ค.นี้จะไปยื่นหนังสือคัดค้าน เนื่องจากเห็นว่าระดับน้ำด้านบนในเขตอำเภอเมืองอุบลราชธานี และอำเภอวารินชำราบ ยังมีระดับน้ำสูงและยังท่วมชุมชนที่ราบต่ำ รวมทั้งไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์คือ การยึดอัตราการไหลของน้ำต่ำกว่า 500 ลูกบาศก์เมตร ที่สถานีวัดน้ำสะพานเสรีประชาธิปไตย จึงสามารถปิดประตูระบายน้ำได้ แต่ปัจจุบันมีอัตราการไหลของน้ำสูงถึง 1,885 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จึงจะเข้ามายื่นหนังสือเรียกร้องให้คณะอนุกรรมการบริหารจัดการน้ำแม่น้ำมูลจังหวัดอุบลราชธานีพิจารณาทบทวนการสั่งให้ปิดประตูระบายน้ำเขื่อนปากมูลในครั้งนี้