ตรัง - ชาวห้วยยอด จ.ตรัง ใน 5 ตำบลและใกล้เคียงนับหมื่นนับแสนชีวิต ต่างน้อมรำลึกถึงในพระมหากรุณาธิคุณที่ “ในหลวง รัชกาลที่ ๙” ทรงพระราชทานสร้างอ่างเก็บน้ำคลองท่างิ้ว เพื่อช่วยชาวบ้านบรรเทาความเดือดร้อน
วันนี้ (27 ต.ค.) นายธรรมศทรรศ กี่สุ้น นายกเทศมนตรีตำบลท่างิ้ว อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ได้นำผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังอ่างเก็บน้ำคลองท่างิ้ว ซึ่งเมื่อวันที่ 25 ก.ย.2532 ชาว ต.ท่างิ้ว ต.หนองช้างแล่น และ ต.ห้วยนาง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ได้มีหนังสือขอพระราชทานสร้างอ่างเก็บน้ำ และระบบส่งน้ำไปยังสำนักราชเลขาธิการ ซึ่งต่อมา สำนักราชเลขาธิการได้มีหนังสือขอให้กรมชลประทานพิจารณา เพื่อนำความกราบบังคมทูลพระกรุณารับเป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จนเป็นที่มาของก่อสร้างอ่างเก็บน้ำขึ้น ด้วยงบประมาณ 240 ล้านบาท
ทั้งนี้ อ่างเก็บน้ำคลองท่างิ้ว ใช้เป็นแหล่งกักเก็บน้ำจากต้นน้ำ บริเวณหุบเขาควนหินแก้ว เหนือน้ำตกหลาด่าน แล้วส่งน้ำทั้งโดยระบบท่อ ความยาว 13.10 กิโลเมตร และลงสู่ตามลำน้ำธรรมชาติ ความยาว 27 กิโลเมตร โดยมีอาคารชลประทานขนาดเล็กตั้งอยู่เป็นช่วงๆ เพื่อบังคับน้ำแพร่กระจายเข้าสู่แปลงเพาะปลูก รวมทั้งใช้สำหรับการอุปโภคบริโภคในช่วงฤดูแล้ง หรือในช่วงที่ชาวบ้านประสบปัญหาความเดือดร้อน เนื่องจากขาดแคลนน้ำประมาณ 22 หมู่บ้าน ใน 5 ตำบลของ อ.ห้วยยอด รวมทั้งบริเวณใกล้เคียง
อ่างเก็บน้ำแห่งนี้ ยังใช้ผลิตประปาของ อ.ห้วยยอด ทั้งหมด รวมทั้งในอำเภอใกล้เคียงของ จ.ตรัง ตลอดจนส่งน้ำไปยังฟาร์มเลี้ยงไก่เนื้อ และใช้เลี้ยงปลาน้ำจืด เช่น ปลานิล ปลาทับทิม ช่วยสร้างรายได้เสริมให้แก่ชาวบ้าน นอกเหนือไปจากทำการเกษตรเพียงอย่างเดียว นอกจากนั้น จากการที่อ่างเก็บน้ำคลองท่างิ้ว มีขนาดกว้างใหญ่มาก และจุน้ำได้ถึง 20.40 ล้านลูกบาศก์เมตร จึงได้รับการพัฒนาขึ้นเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ เพื่อสัมผัสความเป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะผืนน้ำสีเขียวมรกต ที่มีภูเขาสูงตระหง่านเป็นฉากหลัง
จนถึงวันนี้เป็นเวลากว่า 15 ปีแล้ว ที่อ่างเก็บน้ำได้เปิดดำเนินการขึ้นตามโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช หรือพ่อหลวง รัชกาลที่ 9 ซึ่งสิ่งที่บังเกิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดคือ ประชาชนในพื้นที่ และใกล้เคียงนับหมื่นนับแสนชีวิตได้รับประโยชน์ทั้งทางตรง และทางอ้อมจากน้ำกินน้ำใช้ที่เก็บสะสมเอาไว้ในแหล่งน้ำแห่งนี้ โดยเฉพาะหน้าแล้ง ซึ่งยังไม่นับรวมการเกษตรกรรม อุตสาหกรรม และอื่นๆ อีกมากมาย นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่ชาวตรังทุกคนจะน้อมรำลึกไว้ตลอดไป