ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และพสกนิกรทุกหมู่เหล่าพร้อมใจสวมชุดดำไว้ทุกข์ ร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี ดังกึกก้องพร้อมกับที่ท้องสนามหลวง เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่พระราชทานนามมหาวิทยาลัย และทรงเสด็จพระราชทานปริญญาบัตร เปิดโรงพยาบาลหลายครั้ง
วันนี้ (22 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สนามกีฬามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา รศ.ดร.ชูศักดิ์ ลิ่มสกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ นำคณะผู้บริหาร คณาจารย์ นักศึกษา พสกนิกรชาวจังหวัดสงขลาทุกหมู่เหล่า จำนวนกว่าพันคน ที่ต่างพร้อมใจสวมใส่ชุดขาวดำ ร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พร้อมๆ กับที่ท้องสนามหลวง เสียงดังกึกก้องทั่วทั้งสนาม เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่มีต่ออาณาประชาราษฎร์ปวงชนชาวไทยอย่างหาที่สุดได้ และบรรยากาศเป็นไปด้วยความเศร้าโศก
ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ เสด็จพระราชดำเนินมาพระราชทานปริญญาบัตร ณ วิทยาเขตปัตตานี และวิทยาเขตหาดใหญ่ จำนวนถึง 16 ครั้ง โดยครั้งแรกเมื่อวันที่ 31สิงหาคม พุทธศักราช 2515 จนถึงปีพุทธศักราช 2531 และยังได้พระราชทานพระนามของสมเด็จพระบรมราชชนก กรมหลวงสงขลานครินทร์ เป็นชื่อของมหาวิทยาลัย และได้เสด็จมาทรงเปิดพระราชาอนุสาวรีย์สมเด็จพระบรมราชชนก วิทยาเขตปัตตานี เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2521 และที่วิทยาเขตหาดใหญ่ เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2528
ทั้งนี้ ในวันที่ 26 สิงหาคม 2519 ได้เสด็จฯ พระราชดำเนินมาทรงวางศิลาฤกษ์โรงพยาบาลของคณะแพทยศาสตร์ และโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามโรงพยาบาลว่า “โรงพยาบาลสงขลานครินทร์” หลังจากนั้น เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2529 ได้เสด็จวิทยาเขตหาดใหญ่อีกครั้ง เพื่อทรงเปิด และทอดพระเนตรการดำเนินงานของโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ในโอกาสดังกล่าวได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อก่อสร้างอาคารเย็นศิระ ซึ่งเป็นอาคารที่พักผู้ป่วยยากไร้ที่วัดโคกนาว ซึ่งตั้งอยู่หน้าโรงพยาบาลสงขลานครินทร์อีกด้วย
การเสด็จพระราชดำเนินมายังมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ทุกครั้ง สร้างความปลาบปลื้ม และประทับอยู่ในดวงใจของผู้ที่ได้มีโอกาสเฝ้ารับเสด็จฯ และต่างพร้อมที่จะน้อมนำพระบรมราโชวาท และพระราชดำริในด้านต่างๆ ของพระองค์มายึดถือเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นหาที่สุดมิได้
