สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานพระราโชวาทแก่บัณฑิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร ทรงขอพระบารมีพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช คุ้มครองรักษาบัณฑิต ให้มีความสุขสวัสดีจงทั่วกัน
วันนี้ (20 ต.ค.) สำนักราชเลขาธิการ ได้เผยแพร่พระราโชวาทสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ไปพระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิตของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประจำปีการศึกษา 2558 ในการนี้ทรงมีพระราโชวาทแก่บัณฑิตว่า
“พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ข้าพเจ้ามาปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก่อนจะมีเหตุอันเป็นที่เศร้าเสียใจของคนไทยทั้งชาติ ขอแสดงความชื่นชมกับผู้ทรงคุณวุฒิ และบัณฑิตทุกคน ที่ได้รับเกียรติและความสำเร็จ
ผู้ที่ได้ศึกษาเล่าเรียนสำเร็จเป็นบัณฑิต ย่อมต้องมีคุณสมบัติที่สำคัญคือมีปัญญา คำว่าปัญญานั้น แปลว่าความรู้ทั่ว หรือรอบรู้ เช่น รู้ในหลักวิชาที่ได้เล่าเรียนมา กับรู้ดีรู้ชั่ว รู้เหตุรู้ผล รู้ว่าสิ่งใดควรทำไม่ควรทำ รู้ว่าสิ่งใดเป็นประโยชน์ไม่เป็นประโยชน์ ตามธรรมดา เมื่อบุคคลได้สำเร็จการศึกษาอบรมในระดับสูง จนมีปัญญาความรู้ดังที่กล่าว ก็จะได้รับการยกย่องว่าเป็นบัณฑิตกันทุกคน แต่ความเป็นบัณฑิตจะมากน้อยเพียงใด จะเรียกว่าเป็นบัณฑิตแท้ได้หรือไม่ ย่อมขึ้นอยู่กับการประพฤติปฏิบัติของแต่ละคนด้วย บางคนมีความรู้ทั่วทุกอย่าง ทั้งความรู้กว้างขวางลึกซึ้งในหลักวิชา และความรู้ชัดว่าสิ่งใดดีสิ่งใดชั่ว แต่เมื่อจะนำความรู้ไปปฏิบัติใช้ก็อาจนำไปใช้ในทางที่ผิด ที่เป็นโทษเสียหาย ที่เป็นดังนี้ ก็เพราะขาดคุณธรรมสำคัญ คือ สติ ความรู้ตัว อันจะช่วยให้แต่ละคนมีความยั้งคิด ที่จะนำความรู้ไปใช้แต่ในทางที่ถูกต้อง ไม่หลงผิด ทำพลาดด้วยความประมาทพลั้งเผลอ ด้วยเหตุนี้การมีปัญญาอย่างเดียวจึงไม่เพียงพอ ต้องมีสติ กำกับประคับประคองการใช้ปัญญาให้เป็นไปในทางที่ถูกที่ควรด้วย โบราณท่านจึงเรียกรวมกันว่าสติปัญญา ท่านทั้งหลายต่างก็สำเร็จการศึกษาเป็นบัณฑิตทั่วกันแล้ว หากจะได้ประพฤติปฏิบัติตนอย่างผู้มีสติปัญญา ก็จะได้ชื่อว่าเป็นบัณฑิตแท้อย่างเต็มภาคภูมิ
ขอพระบารมีแห่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ได้คุ้มครองรักษาบัณฑิตทุกคนและทุกท่านที่มาร่วมในพิธีนี้ ให้มีความสุขสวัสดีจงทั่วกัน”