ตรัง - ชาวตำบลนาตาล่วง อ.เมืองตรัง เดินตามรอย “รัชกาลที่ 9” ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง ประกอบอาชีพทำข้าวหลามขาย จนขึ้นชื่อเป็นสินค้า OTOP สร้างรายได้ให้แก่ครอบครัว และเครือญาติ
วันนี้ (17 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดตรัง ว่า ทุกๆ เช้าที่บริเวณสี่แยกป่าหมาก ริมถนนเลี่ยงเมืองตรัง-ห้วยยอด ในเขตเทศบาลตำบลนาตาล่วง อ.เมือง จ.ตรัง จะมีบรรยากาศที่หอมตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นข้าวหลาม ที่ครอบครัว และเครือญาติพี่น้องของหนุ่มใหญ่เมืองตรัง ทำการหลามกันใหม่ๆ ทำให้ผู้คนที่ขับรถผ่านไปผ่านมาต้องแวะซื้อไปชิม และเป็นของฝากกันอย่างไม่ขาดสาย ซึ่งในวันปกติจะหลามประมาณวันละ 200 กระบอก แต่หากเป็นช่วงเทศกาลจะหลามเพิ่มเป็น 2-3 เท่าตัว และจะขายหมดทุกวัน
นายเพียร เมืองไทย หรือโกเม่น อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 53/7 หมู่ที่ 4 ต.นาตาล่วง อ.เมือง จ.ตรัง เจ้าของข้าวหลาม OTOP โกเม่นเจ้าเก่า สี่แยกป่าหมาก กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนเองได้ประกอบอาชีพกรีดยางพารา ต่อมา ยางพาราราคาตกต่ำ จึงหันมาประกอบอาชีพทำข้าวหลามขาย ซึ่งตอนแรกก็ไม่มั่นใจมากนักว่าจะประคับประคองอาชีพนี้ได้นานแค่ไหน แต่ตนเองและครอบครัวก็พยายามทำข้าวหลามมาเรื่อยๆ จนในที่สุดสามารถสร้างรายได้ดีกว่าทำสวนยางพารา เพราะทำได้ทั้งปี จึงยึดอาชีพนี้มาเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว
โดยวัตถุดิบต่างๆ เช่น ไม้ไผ่ จะใช้ไผ่สีสุก หรือไผ่หวาน แต่ต้องเดินทางไปซื้อที่ จ.พัทลุง และ จ.สงขลา เนื่องจากใน จ.ตรัง มีไม้ไผ่ไม่เพียงพอ ส่วนจุกปิดกระบอกข้าวหลาม หรือเปลือกมะพร้าว จะซื้อมา 1 รถกระบะ ราคา 400 บาท และใช้ข้าวเหนียววันละ 20 กิโลกรัม สำหรับวันธรรมดา แต่ในช่วงเทศกาลต่างๆ ก็จะเพิ่มจำนวนมากขึ้น ซึ่งในแต่ละวันจะผลิตข้าวหลามได้วันละ 200 กระบอก มีทั้งข้าวเหนียวขาว และข้าวเหนียวดำ ทั้งขนาดใหญ่ และขนาดเล็ก โดยใช้เวลาในการหลามข้าวเหนียวให้สุกประมาณ 2 ชั่วโมง ทุกขนาด
สำหรับต้นทุนการผลิตจะตกอยู่ที่เดือนละ 10,000 บาท และมีรายได้ไม่หักค่าใช้จ่ายตก เดือนละ 50,000 บาท ทั้งนี้ ตนเองได้ชักชวนญาติพี่น้อง และลูกหลานให้มาทำ โดยมีค่าแรงตอบแทนให้ทุกคน แต่รายได้จะขึ้นอยู่กับงาน หากงานมากจะเพิ่มค่าแรงให้อีกเท่าตัว โดยวางขายที่หน้าบ้านริมถนน และจะให้ลูกหลานไปขายตามงานต่างๆ มีราคาตั้งแต่กระบอก 10-60 บาท ขึ้นอยู่กับขนาด ทุกวันนี้มีลูกค้าเยอะขึ้น ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าจร หรือลูกค้าประจำ ต่างก็แวะมาอุดหนุนตลอดทั้งวันอย่างต่อเนื่อง
นายเพียร หรือโกเม่น กล่าวว่า อาชีพทำข้าวหลาม ต้องขึ้นอยู่กับความขยัน และไม่ย่อท้อต่อความเหนื่อยยากลำบาก ซึ่งตนเองรับรองว่า ถ้าทำได้เช่นนี้ไม่อดตายแน่ เนื่องจากได้ยึดหลักตามคำพ่อหลวงสอน และยึดหลักตามเศรษฐกิจพอเพียงมาโดยตลอด พร้อมทั้งขอให้ทำอะไรก็ได้ที่ถูกต้อง สุจริต ทำให้ทุกวันนี้ตนเอง และครอบครัวไม่เดือดร้อน แถมยังสามารถกระจายรายได้ไปยังเครือญาติอีกด้วย ดังนั้น ตนเองและครอบครัวจึงรู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่งที่พ่อหลวงสวรรคต แต่ก็พร้อมจะประกอบอาชีพโดยยึดหลักตามเศรษฐกิจพอเพียงต่อไป